สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ได้ปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ และยังทำลายสถิติ ของการปรับตัวขึ้นประจำสัปดาห์ติดต่อกันถึง 4 ครั้ง เนื่องจากตลาดหุ้นได้ทำให้นักลงทุนหลายคนได้หันไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
จากความกังวลเกี่ยวกับ สงครามการค้า และ มันก็อาจจะเป็นผลกระทบจากการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับโลก ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน และความกังวลต่อการเมือง, การลดลงของรายได้ของบริษัท และ ปัญหาด้านงบประมาณของประเทศอิตาลี ได้ทำให้ความเชื่อมั่นลดระดับลงไป ส่วนตลาดหุ้นทั่วทั้งโลกก็จะพบกับการทิ้งตัวลงอย่างมากในเซสขั่นที่จะถึงนี้
เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น จากการเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากที่ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ และเพิ่มขึ้นอีก 3 ครั้งในปีที่จะถึงนี้ แม้ว่า การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ ได้ส่งผลให้ทองคำปรับตัวลงไปเล็กน้อย แต่ในช่วงที่เหลืออยู่ ก็ยังสามารถผลักดันตัวเองให้สูงขึ้นได้ และเริ่มเดินหน้าขึ้นมา นับตั้งแต่ที่เคยร่วงลงไปสู่ ระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ที่ 1,161.40 ดอลลาร์ ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมของปีนี้
ในวันนี้ ดัชนีเงินดอลลาร์ ปรับตัวขึ้นไปในระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากที่ข้อมูลได้แสดงให้เห็นว่า จีดีพีของสหรัฐอเมริกา มีการเติบโตเกิดขึ้นในอัตรา 3.5% ต่อปี และ อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงไปเล็กน้อยในไตรมาสที่สาม แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มันก็ลดระดับลงไปในภายหลัง และก็ไปอยู่ในแดนลบ
สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าในเดือนธันวาคม ปิดที่ 3,40 เหรียญหรือคิดเป็น 0.3% ในมูลค่าที่ 1,235.80 เหรียญต่อออนซ์ ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ปิดตัวที่ 1.30 ดอลลาร์หรืออยู่ใน 1% ในมูลค่าที่ 1,132.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ปรับตัวสูงขึ้นมาเท่ากับ 0.6%
สัญญาซื้อขายเงินล่วงหน้า สำหรับเดือนธันวาคมปิดตัวที่ 0.070 เหรียญที่ระดับ 14.700 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สัญญาซื้อขายทองแดงล่วงหน้า สำหรับเดือนธันวาคมอยู่ที่ 2.7410 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ซึ่งลดลงมาเท่ากับ 0.0135 ดอลลาร์จากระดับปิดก่อนหน้านี้
ตลาดยุโรป ปิดตัวลดลงไปในวันนี้ ระหว่างที่มีความวิตกเกี่ยวกับการเติบโต อ้างอิงข้อมูลจากการสำรวจของ นักพยากรณ์มืออาชีพ ที่เปิดเผยว่า ธนาคารกลางแห่งยุโรปนั้นคาดการณ์ว่าเขตพื้นที่เศรษฐกิจที่ใช้เงินยูโร จะเติบโตขึ้นมาในอัตราที่น้อยลงภายในปีนี้ และปีหน้า อ้างอิงเนื้อหาตามการสำรวจของนักพยากรณ์อาชีพที่นำเสนอมาจากทางธนาคารกลางแห่งยุโรป
การคาดการณ์ต่อการเติบโตของยอดจีดีพีที่แท้จริง ปรับตัวลดลงไปในปี 2018 เท่ากับ 2% จากเดิมที่อยู่ใน 2.2% และในปีหน้าจะอยู่ใน 1.8% จากเดิมที่อยู่ใน 1.9% ในขณะที่ การประมาณการสำหรับปี 2020 จะยังคงอยู่ในระดับที่1.6%
หุ้นสหรัฐอเมริกา ปรับตัวลดลงไปอย่างมาก โดยเป็นแรงกดดันมาจาก การรายงานผลกำไรที่น่าผิดหวัง และแม้ว่าจะหลุดพ้นจากระดับต่ำไปได้แล้ว แต่มันก็ยังลดระดับลงไปจากการขาดทุนที่เห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนดัชนีดาวโจนส์ , Nasdaq และ S&P 500 ต่างก็ลดระดับลงไป 1.7% และ2.1%
รายงานจากกระทรวงการพาณิชย์ ได้แสดงให้เห็นถึง การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าตามที่คาดการณ์เอาไว้ใน ไตรมาสที่สาม ถึงแม้ว่า ข้อมูลอาจจะยิ่งเพิ่มความกังวลล่าสุดเข้ามา ที่เกี่ยวกับ แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน
กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง มีการขยายตัวเกิดขึ้นมาเท่ากับ 3.5% ในไตรมาสที่สาม หลังจากที่เพิ่มขึ้นมาเท่ากับ 4.2% ในไตรมาสที่สอง ส่วนนักเศรษฐศาสตร์ก็คาดว่ายอดจีดีพี จะลดระดับลงไปเหลือ 3.3%
การลดระดับลงของอัตราการเติบโต ในไตรมาสที่สาม ได้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการปรับตัวขึ้น ในไตรมาสที่สอง ที่แสดงให้ถึง การเติบโตที่มากที่สุด นับตั้งแต่ที่มีการปรับตัวขึ้นไปจนถึง 4.9% ในไตรมาสที่สามของปี 2014
ทางด้านอัตราเงินเฟ้อจะพบได้ว่า กระทรวงพาณิชย์ออกมากล่าวว่า ข้อมูลตัวเลขจากราคาผู้บริโภคหลัก ที่ไม่รวมกับ ราคาอาหารและพลังงาน แสดงให้เห็นว่ อัตราการเติบโต ได้ลดลงไปเท่ากับ 1.6% ในไตรมาสที่สามจากเดิมที่อยู่ใน 2.1% ในไตรมาสที่สอง