09.08.201901:38:00UTC+00อัตราเงินเฟ้อของประเทศจีนปรับตัวขึ้น ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตลดลงไปเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 เดือน

สำนักงานสถิติแห่งชาติได้ออกมานำเสนอข้อมูลในวันศุกร์ว่า ราคาผู้บริโภคในประเทศจีนเพิ่มขึ้นมเป็น 2.8% ในรอบปีของเดืนกรกฎาคม สำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภค เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 2.8% ในเดือนกรกฎาคมจากเดิมที่อยู่ใน 2.7% ในเดือนมิถุนายน โดยมีการคาดการณ์ว่าอัตรานี้ จะยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน 2.7% ในแต่ละเดือนพบว่า ราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมาเป็น 0.4% ซึ่งสวนทางกับการปรับตัวลงมาของเดือนมิถุนายนที่ 0.1% ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น มาจาก ราคาผลไม้สดและเนื้อหมู โดยราคาผลไม้สด เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 39.1% และราคาเนื้อหมูพุ่งขึ้นมาเป็น 27% อัตราเงินเฟ้อ ที่ไม่คิดคำนวณรวมกับอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1.6% ในเดือนกรกฎาคม จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับที่เคยพบมาในเดือนมิถุนายน จากรายงานอื่นยังได้ระบุอีกว่า ราคาผู้ผลิตลดลงไปอยู่ที่ 0.3% เมื่อนำมาเทียบเป็นรายปี หลังจากที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมาในเดือนมิถุนายน นี้เป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรก ในส่วนของราคาผู้ผลิตลดลง นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ของปี 2016 โดยคาดการณ์ว่าราคา จะลดลงไปอยู่ที่ 0.1% ในแต่ละเดือนพบว่า ราคาผู้ผลิตลดลงไปเป็น 0.2% ในเดือนมิถุนายน คุณ Julian Evans-Pritchard และ Martin Rasmussen กล่าวไว้ว่า การลดลงของราคาผู้ผลิตมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ในไตรมาสต่อๆ ไป อันเนื่องมาจาก การก่อสร้างทางอสังหาริมทรัพย์ ที่ชะลอตัวลงไป ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อ ราคาเหล็กของจีน พร้อมๆกับ ลากการเติบโตของอุตสาหกรรมในวงกว้าลงไปง จากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง นักเศรษฐศาสตร์กล่าวเพิ่มไว้ว่า ผลลัพธ์กลายเป็นว่า ประเทศจีนกำลังเผชิญหน้ากับภาวะยากลำบากทั้งสองทาง พวกเขายังระบุอีกว่า ราคาผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นมา ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อ ความเชื่อมั่นในครัวเรือนและ การเติบโตของรายได้ที่แท้จริง แต่ในเวลาเดียวกัน การกลับมาของภาวะเงินฝืดที่เกิดจากทางด้านโรงงาน ซึ่งจะไปสร้างแรงกดดันขาลง ต่อผลกำไรในภาคการผลิต ที่กำลังลดลงไป