13.09.201910:03:00UTC+00 เงินดอลลาร์ดีดตัวออกมาหลังจากที่มีการรายงานข้อมูลยอดการค้าปลีกของสหรัฐอเมริกา

เงินดอลลาร์สหรัฐ ขยับตัวออกจากระดับต่ำในช่วงตอนแรก เมื่อเทียบกับคู่สกุลเงินหลักอื่นๆ ในช่วงเซสชั่นยุโรปของวันศุกร์ เนื่องจากยอดการค้าปลีกของสหรัฐอเมริกา ปรับตัวขึ้นมา มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ช่วงในเดือนสิงหาคม เนื่องจากยอดการขายรถยนต์ที่พุ่งสูงขึ้น ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ได้แสดงให้เห็นถึง ยอดการค้าปลีก เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.4% ในเดือนสิงหาคม หลังจากที่เคยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 0.8% ในเดือนกรกฎาคม ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ว่า ยอดการค้าปลีก จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.2% เมื่อนำมาเทียบกับ การเพิ่มขึ้นมาถึง 0.7% แต่เดิมที่มีการรายงานไว้ในเดือนก่อนหน้านี้ หากไม่คิดคำนวณรวมกับ ยอดการขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจะพบได้ว่า ยอดการค้าปลีกในเดือนสิงหาคม ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 1.0% ในรอบเดือนกรกฎาคม สำหรับยอดการขายรถยนต์มือสองนั้น คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 0.1% ข้อมูลจากกระทรวงแรงงาน ระบุให้ทราบว่า ราคาการนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาได้ลดลงไปน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในรอบเดือนสิงหาคม โดยรายงานได้ระบุว่า ราคาการนำเข้าลดลงไปเหลืออยู่ที่ 0.5% ในเดือนสิงหาคม หลังจากที่เคยมีการปรับตัวขึ้นมาจากเดิมใน 0.1% ของเดือนกรกฎาคม ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ไว้ว่า ราคาการนำเข้าอาจจะลดลงไปอยู่ที่ระดับ 0.4% สกุลเงิน ปรับตัวลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในเซสชั่นเอเชีย ยกเว้นแต่เงินเยน สำหรับการปรับตัวลงนั้นเกิดขึ้นมาจาก สถานะของสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากที่ความตึงเครียดทางการค้าลดลงไป หลังจากกระทรวงพาณิชย์ของประเทศจีนเปิดออกมาเปิดเผยถึง แผนการที่จะยกเว้น ภาษีสินค้าด้านเกษตรของสหรัฐอเมริกา อย่างเช่น ถั่วเหลืองและเนื้อหมู จากการปรับภาษีเพิ่มขึ้น ประเทศจีนจะ เพิ่มสินค้าทางการเกษตรลงไปในรายการสินค้าที่ผลิตจากอเมริกาถึง 16 ประเภท ที่ได้รับการยกเว้นภาษี เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของค่าความนิยม ก่อนการเจรจาการค้าในรอบถัดไป เงินดอลลาร์สหรัฐ ฟื้นตัวขึ้นมาสู่ระดับที่ 108.14 เมื่อเทียบกับเงินเยน จากระดับต่ำสุดที่ 107.91 ที่เคยพบในเวลา 3:00 น. ตามเวลาแบบ ET มันอาจจะนำไปเปรียบเทียบ ได้กับ ระดับสูงสุดในรอบ 1-1 / 2 เดือนที่ 108.26 มันได้เกิดขึ้นในเซสชั่นเอเชีย สำหรับความต้านที่สำคัญถัดไปของเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีแนวโน้มที่จะสามารถพบได้ในระดับที่ 111.00 ข้อมูลฉบับสุดท้ายจากกระทรวงเศรษฐกิจ, การค้าและ อุตสาหกรรม แสดงให้เห็นว่า การผลิตของภาคอุตสาหกรรมในประเทศญี่ปุ่น ขยายตัวออกมาตามที่ได้คาดการณ์ไว้ในเดือนกรกฎาคม การผลิตทางอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมาเป็น 1.3% เมื่อเทียบในรอบเดือนจนถึงเดือนกรกฎาคม แล้วยังตรงกับการคาดการณ์เบื้องต้นอีกด้วย เงินดอลลาร์สหรัฐ มีกำลังเพิ่มขึ้นและ ก็ปรับตัวย้อนกลับขึ้นไปยัง 0.9881 โดยเงินดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะไปทดสอบกับแนวต้านรอบๆ ขอบเขต 1.00 หลังจากที่มีการปรับตัวลงในรอบสัปดาห์ ไปที่ระดับ 0.9854 เมื่อนำมาเทียบกับเงินฟรังก์ในรเวลา 7:45 น. ตามเวลาแบบ ET เงินดอลลาร์สหรัฐ ย้อนตัวกลับมาจากระดับต่ำสุดช่วงแรก ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 1.1109 เมื่อนำมาเทียบกับเงินยูโร ที่ได้ฟื้นตัวขึ้นมาเป็น 1.1079 หลังจากมีการนำเสนอข้อมูลออกมา สำหรับเงินดอลลาร์สหรัฐ จะเริ่มไปทดสอบกับแนวต้านราวๆระดับ 1.09 ข้อมูลจากสถาบัน Eurostat แสดงให้เห็นว่า การเกินดุลทางการค้าของยูโรโซน เพิ่มขึ้นมาในเดือนกรกฎาคม จากการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น การเกินดุลทางการค้า เพิ่มขึ้นมาในฤดูกาลนี้เป็น 19 พันล้านยูโร จากเดิมที่อยู่ใน 17.7 พันล้านยูโรในเดือนมิถุนายน เงินดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นมาสู่ระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ที่ 0.6376 เมื่อนำมาเทียบกับเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์และ อีก 1.3243 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์แคนาดา จากมูลค่าของการปิดตัวของเมื่อวานนี้ที่ 0.6405 และ 1.3210 ตามลำดับ ถ้าหากเงินดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นมาอีก มันก็อาจจะมีแนวโน้มที่จะเผชิญหน้ากับแนวต้านราวๆ ระดับ 0.62 เมื่อนำมาเทียบกับ เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์และ อีก 1.35 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์แคนาดา ในทางตรงกันข้าม เงินดอลลาร์สหรัฐ ยังคงทรงตัวได้ เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ หลังจาที่มีการพุ่งเข้าชนกระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ 1.2475 ในเวลา 5:30 น. ตามเวลาแบบ ET โดยคู่สกุลเงินนี้ได้ปิดสัญญาของเมื่อวานนี้ลงไปที่ 1.2329 ถึงแม้ว่า เงินดอลลาร์สหรัฐ จะมีการฟื้นตัวขึ้นมาเพียงเล็กน้อย เมื่อนำมาเทียบกับ เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย หลังจากที่มีการนำเสนอข้อมูลออกมา ก็อยู่เพียงระยะหนึ่ง นอกจากนั้น เงินดอลลาร์สหรัฐมีการซื้อขายลงไปที่ระดับ 0.6878 เมื่อนำมาเทียบกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ต่อมูลค่าของการปิดตัวเมื่อวานนี้ที่ระดับ 0.6866 ส่วนแนวรับถัดไปที่เป็นไปได้ สำหรับเงินดอลลาร์สหรัฐ จะสามารถพบได้ราวๆ 0.71 สินค้าคงเหลือทางด้านธุรกิจจากสหรัฐอเมริกา ในรอบเดือนกรกฎาคมและ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก University of Michigan ในรอบเดือนกันยายน มีกำหนดจะนำเสนอออกมาในเซสชั่นนิวยอร์ก