ยูโรโซน

เมื่อสหรัฐอเมริกาเริ่มสั่นคลอนจากพายุคลั่งทางการเมือง ทางด้านยูโรโซนเองก็กำลังมุ่งหน้าไปทางความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะกรณีไหน บทสรุปที่เหมาะสมต่อสถานการณ์เช่นนี้ก็คือ การพัฒนาขึ้นมาของตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจมหภาพ โดยยอดเงินของบัญชีกระแสรายวันได้มีส่วนเกินทางการค้าอยู่ที่ 32.5พันล้านยุโรในเดือนพฤศจิกายน พร้อมกันกับที่มีการปรับตัวขึ้นมาของตัวบ่งชี้ทุกประเภท นอกเสียจากรายรับทุติยภูมิ

ยูโรโซน โดยเฉพาะประเทศเยอรมณี ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเพราะมีส่วนเกินทางการค้าที่มากเกินไป หัวหน้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF คุณ Lagarde ออกมากล่าวในวันศุกร์ว่า ทาง IMF เป็นกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เช่นนี้ โดยการลดลงของส่วนเกินในประเทศเยอรมณีนั้นอาจจะยิ่งลดความไมเ่สมอภาคในระดับโลกลงอีกด้วย โดยคุณ Lagarde ได้มองหาวิธีการลดส่วนเกิน ด้วยการเพิ่มการนำเข้าและค่าใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งจะเท่ากับแนวโน้มของการเติบโตที่ยังเพิ่มขึ้นมาของเงินยูโร

หัวหน้าของทางธนาคาร Bundesbank คุณ Weidmann ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เพราะว่า ตามความคิดของเขาแล้ว ประชากรผู้สูงอายุของประเทศเยอรมณีอาจจะมีส่วนทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของ ค่าใช้จ่ายในประเทศ และไม่ควรจะลองในการ "ช่วยเหลือเพื่อนบ้าน" ในวิธีนี้

ในวันที่ 25 เดือนมกราคม ทางธนาคารกลางแห่งยุโรป จะจัดการประชุมขึ้นเกี่ยวกับนโยบายทางการเงิน หลังจากที่ตลาดไม่มีการเปลี่ยนแปลง และการประกาศวันที่สำหรับการสิ้นสุดโปรแกรมการซื้อสินทรัพย์ ก็คาดว่าจะออกช้ากว่าช่วงเดือนมีนาคม เนื่องจากในเดือนมกราคมนั้น ยังไม่มีการรายงานใดๆเกี่ยวกับการคาดการณ์ของเศรษฐกิจมหภาค ในเวลาเดียวกันนั้น การแถลงการณ์ที่ค่อนข้างจริงใจจากคุณ Mario Draghi เองก็อาจมีแนวโน้มที่น่าสนใจเกี่ยวกับ การกำหนดอุปสงค์สำหรับเงินยูโร

ในัวนอังคาร มีการรายงานจาก ZEW เกี่ยวกับความเชื่อมั่นทางธุรกิจในยูโรโซนจะมีการรายงานออกมา โดยแนวโน้มได้อยู่ในเชิงบวก และเงินยูโรเองก็สามารถเกื้อหนุนได้ ในวันพุธ การคาดการณ์ของดัชนี PMI จาก Markit ก็อยู่ในช่วงบวก ส่วนวันจันทร์ เงินยูโรก็อาจจะได้รับการแรงกระตุ้นในการสร้างการกระตุ้นต่อการเติบโต ส่วนมูลค่าก็ยังคงอยู่ในระดับเดิม ซึ่งอาจจะมีการเทรดอยู่ในระยะที่ 1.2092/1.2323

อาจจะมีการระงับการใช้แผนการจาก การออกเสียงโหวตในประเทศเยอรมณีจากพรรค SPD ในวันอาทิตย์นี้ เกี่ยวกับข้อตกลงของการควบรวมรัฐบาล ที่อาจออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ ในกรณีหากผลลัพธ์ออกมาไม่ดีนั้น เงินยูโรอาจจะเปิดช่องทางในการเทรดในวันจันทร์ แล้วมุ่งหน้าลงต่ำกว่า 1.20

สหราชอาณาจักรอังกฤษ

แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ในเชิงบวกออกมามากกว่าการเติบโต แต่ยอดการค้าปลีกในเดือนธันวาคมของปี 2017 ก็แสดงให้เห็นถึงปริมาณที่ลดลงมา พร้อมกับการเติบโตโดยรวมอยู่ในร้อยละ 1.4 ส่วนเดือนธันวาคมมีการลดลงในร้อยละ 1.5 เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน ถึงแม้ว่าการเติบโตโดยปกติของเดือนนี้เกิดจากยอดการขายในช่วงเดือนครีสต์มาส

ข้อมูลยอดการค้าปลีกแสดงให้เห็นถึง ราคาผู้บริโภค ที่เหมาะสมกับเหตุผลของทางธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ ในการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น แต่ก็ไม่ได้สร้างแนวโน้มที่แข็งแรงออกมา และยังเกิดจากที่มูลค่าของการนำเข้าเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีการลดลงมาของเงินปอนด์ หลังจากมีการเจรจาการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปหรือ Brexit ทางด้านธนาคารแห่งอังกฤษ ได้ทำการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นมา โดยไม่เกี่ยวกับเงินเฟ้อ แต่ก็สร้างแนวโน้มเชิงบวกขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการไหลเวียนทางการเงินระหว่างลอนดอนและ Brussels

ในวันพุธ มีรายงานจากกระทรวงแรงงานที่จะออกมา และจากการคาดการณ์โดยส่วนรวม ระบุไว้ว่า มีสัญญาณออกมาว่า การจ้างงานอาจจะไม่เพื่อขึ้นและอาจจะยังคงตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.3 และอาจจะลดลงมาถึงร้อยละ 4.4 เนื่องจากมีการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างโดยเฉลี่ย พบว่าการคาดการณ์นั้นได้ลดลงมาถึงร้อยละ 2.2 ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการขายเกิดขึ้นในเงินปอนด์ หากมีการยืนยันถึงแนวโน้มนี้

ในวันศุกร์ การคาดการณ์เบื้องต้นของ GDP ในไตรมาสที่สี่คาดว่าจะมีการรายงานออกมา อ้างอิงจาก PMI พบว่า การเติบโตจะอยู่ในระยะที่ 0.4% -0.5% แต่ล่าสุดทาง NIESR คาดว่าจะอยู่ในร้อยละ 0.6 และข้อมูลก็อาจจะมากกว่าการคาดการณ์ของทางตลาดอีกก็เป็นได้

เงินปอนด์ได้มีการปรับตัวอย่างมาก โดยฟื้นตัวจากการขาดทุนทั้งหมด หลังจากการเกิด Brexit และโมเมนตัมก็ยังมีกำลังอยู่ หากมีการสนับสนุนมาจากการรายงานของตลาดแรงงานแล้วละก็ เงินปอนด์ก็อาจจะมีการปรับตัวขึ้นมาเหนือ 1.40 การเติบโตที่ได้รับการเกื้อหนุนจากอุปสงค์ของความเสี่ยง และจุดอ่อนในพื้นฐานของเงินดอลลาร์ ที่อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะดูแล

น้ำมัน

น้ำมันได้ชะลอตัวลงมาในการปรับระดับ และการปรับระดับของทางเบรนท์ ก็ทำให้มูลค่าลดลงไปต่ำกว่า 68เหรียญต่อบาร์เรล แต่ก็ยังมีเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดการปรับตัวลงมากกว่าเดิม ความเชื่อมั่นก็อาจเกิดขึ้นได้ หากทางตลาดยังไม่พบกับตัวกระตุ้นอื่นๆที่ส่งผลต่อการเติบโต จนกว่าจะพบและการค้าเองก็อาจจะอยู่ในระยะที่เกี่ยวข้องกัน

ทางสถาบัน IEA ได้คาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างมากของการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากราคาที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงออกมกาว่ามีการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมนี้ หากพูดถึงประเทศรัสเซีย ทางสถาบัน IEA ออกมาระบุถถึงการเพิ่มขึ้นของรายรับ ถึงแม้ว่าการผลิตจะลดลงไปก็ตามที

เมื่อผู้เข้าร่วมในตลาดกำลังมองหาตัวกระตุ้นใหม่อยู่ น้ำมันก็ได้ขยับตัวไปในระยะที่เกี่ยวข้อง แต่การปรับระดับเพื่อไปในระดับสูงในตอนนี้อาจดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นได้ยาก