เงินยูโรเริ่มกลับมามีการขายในวันจันทร์นี้ และไม่สามารถหาเหตุผลใดๆพบว่าจะมีการปรับตัวขึ้นต่อไปได้ ผลการประชุม ECB ที่นุ่มนวลกว่าที่คาดไว้นำไปสู่ความจริงที่ว่า ความแตกต่างในนโยบายการเงินของธนาคารกลางแห่งยุโรป และเฟดเริ่มเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้น แม้ว่าทางเฟดจะกำหนดเป้าหมายตลาด สำหรับอัตราการเติบโตที่สูงขึ้น แต่ ธนาคารกลางแห่งยุโรปก็ยังไม่ได้วางแผนการปรับขึ้นอัตราแรกในช่วงฤดูร้อนปี 2019 และน่าจะมีการปรับขึ้นในเดือนธันวาคม ปี 2019 นั่นคจะเกิดขึ้นหลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งปีครึ่ง

ความแตกต่างในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนี้ สะท้อนให้เห็นถึง สภาพเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โดยทางเฟดได้เพิ่มการคาดการณ์เศรษฐกิจมหภาค ส่วนทางธนาคารกลางแห่งยุโรป ต้องรีบหาคำอธิบายเกี่ยวกับ การชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ในสภาวะของนโยบายพิเศษ นอกจากนี้แล้ว ในงานแถลงข่าวของนาย Mario Draghi ก็ยังไม่ได้กล่าวถึง ความเป็นไปได้ที่เกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่อ่อนแอในยูโรโซน และยังเน้นย้ำว่า เมื่อใดก็ได้ที่จะมีการเริ่มโครงการซื้อคืนสินทรัพย์ ส่วนความเชื่อมั่นในเรื่องดังกล่าวก็ไม่ค่อยสนับสนุนเงินยูโรเท่าไหร่นัก

วันนี้ สำหรับการประชุมฟอรัมของธนาคารกลางแห่งยุโรป ได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งจะใช้เวลาสามวัน โดยคาดว่าจะมีผู้นำธนาคารกลางระดับโลกหลายท่านจะขึ้นพูด เนื่องจากไม่มีการรายงานข้อมูลที่สำคัญทางเศรษฐกิจมหภาพออกมา ในรอบสัปดาห์นี้ ความสนใจจะไปอยู่ในทั้งความเห็นของ Mario Draghi ที่ได้พูดในฟอรั่มเป็นครั้งที่สาม และเป็นภัยคุกคามต่อการเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับคู่ค้า

ในสภาวะเหล่านี้ ตลาดคาดว่าจะลดระดับลงมา ส่วนความเสี่ยงจากการล่มสลายของตลาดหุ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ก็จะยังมีการเติบโตขึ้นมา สำหรับเงินยูโรที่อยู่ภายใต้แรงกดดันนี้อยู่ โดยเงินยูโรอาจร่วงลงมาที่ 1.1350 ในช่วงสองสามวันถัดมา แล้วก้ยังไม่มีเหตุผลใดที่จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาได้

เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดสำหรับ เงินปอนด์ในสัปดาห์นี้ ก็คือการประชุมของธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ ในวันพฤหัสบดีที่ 21 เดือนมิถุนายน ในส่วนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะยังไม่เกิดขึ้นก่อนถึงเดือนธันวาคม และประเด็นสำคัญก็จะยังไปอยู่ในผลของการประชุมที่จะออกมา

หลังจากที่มีการประชุมเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ที่มีการตัดสินใจใช้ระดับอัตราดอกเบี้ยไว้เหมือนเดิม จนมันกลายเป็นว่า อัตราเงินเฟ้อได้ปรับตัวลดลงไปเล็กน้อยและอัตราการว่างงานก็เพิ่มสูงขึ้น และข้อมูลตัวเลขยอดขายปลีกในเดือนพฤษภาคม ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 3.9% หากเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่สามารถให้เหตุผลได้ ที่คาดถึงกิจกรรมการจัดซื้อของประชากร จะเพียงพอที่ต่อการดำเนินการในการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อหรือไม่

สถานการณ์ในเหตุการณ์ การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป หรอ Brexit จะได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งมันยังเข้าใกล้ประชุมในสหภาพยุโรประหว่างวันที่ 28-29 เดือนมิถุนายน ในขณะนี้ เงินปอนด์ได้ตอบสนองต่อปัจจัยภายนอก มากกว่าปัจจัยภายในประเทศ ดังนั้นแล้วเงินปอนด์อาจจะสร้างระดับต่ำใหม่ขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 29 เดือนพฤษภาคม โดยร่วงลงมาต่ำกว่า 1.32 แต่การลดลงอย่างชัดเจนก็ยังคงเป็นที่น่าสงสัยอยู่

น้ำมันมีการปรับระดับต่ำ ในรอบสองเดือน กับแนวโน้มที่มีการเสริมกำลังโดยทั่วไปของเงินดอลลาร์ขึ้นมา ในแนวโน้มทั้งหมดภายในตลาด และแนวทางของการเก็งกำไรใน การที่โอเปกจะปรับการผลิตเพิ่มขึ้นมาในอนาคต สำหรับการปรับตัวลงมาที่ต่ำ ก็อาจจะส่งผลกระทบเพื่อให้มั่นใจว่าจะเกิดการปรับตัวในมูลค่าได้ สำหรับ งานหลักๆของโอเปกก็คือ ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ราคาน้ำมันจะกำจัดความผันผวนที่มากเกินไป จนไปอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับ ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ในวันศุกร์ ทางโอเปค จะเปิดให้มีการประชุมครั้งต่อไป ทางด้านตลาดระบุว่า สัญญาฉบับปัจจุบันนี้จะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นปี และการขยายตัวของการผลิต จะชะลอตัวลงไปและจะเริ่มดำเนินการเร็วไปกว่าปีหน้า