การรายงานที่ดีเกี่ยวกับยอดการค้าปลีกในเขตยูโร ไม่ได้ช่วยสนับสนุนเงินยูโรในวันศุกร์ ช่วงเช้า อ้างอิงจากข้อมูล ที่ได้ระบุออกมาว่า การขายปลีกในเขตยูโรในเดือนมิถุนายนปีนี้ เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ได้เพิ่มขึ้นมาถึง 0.3% หากเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน พบว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 1.2%

การเพิ่มขึ้นของยอดการค้าปลีกได้เกิดขึ้น แม้จะมีอัตราการเติบโตของราคาพลังงาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในเขตยูโรโซน ในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า เมื่อเทียบกับยอดค้าปลีกในเดือนพฤษภาคมแล้วจะพบว่า ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 0.4%

การรายงานยอดการค้าปลีกที่ดีนั้น ได้ไปหักลบออกกับ ข้อมูลที่ค่อนข้างอ่อนแอจากทางบริษัทวิจัย IHS Markit ซึ่งยืนยันว่า ดัชนีคอมโพสิตของผู้จัดการอุปทานในยูโรโซน ของเดือนกรกฎาคม ปี 2018 ได้ลดลงไปสู่ระดับที่ 54.3 จุดจากระดับเดิมที่ 54.9 จุดในเดือนมิถุนายน

ความสนใจทั้งหมดของตลาดในช่วงครึ่งที่สองของรอบวัน ได้ไปอยู่ใน การรายงานเกี่ยวกับอัตราการจ้างงานในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้นักลงทุนผิดหวังไปตามๆกัน แม้ว่าอัตราการว่างงานจะลดลงไป โดยแสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานมีการเติบโตขึ้นมานั้นเอง

อ้างอิงจากการรายงานของกระทรวงแรงงานของสหรัฐอเมริกา ที่ได้ระบุว่า จำนวนการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นถึง 157,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคมของปีนี้ ขณะที่อัตราการว่างงานได้ลดลงไป 3.9% เมื่อเทียบกับ 4.0% ในเดือนก่อนหน้านี้

ข้อมูลสำหรับเดือนมิถุนายนมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง อ้างอิงจากการรายงานในเดือนมิถุนายน เกี่ยวกับ จำนวนการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 248,000 ตำแหน่งงาน สำหรับนักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ถึง การเติบโตของการจ้างงานไว้ใน 190,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานจะอยู่ใน 3.9% ในเดือนกรกฎาคม ดังนั้น การเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงจะอยู่ใน 2.7% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม ในปี 2017 ที่จะมีผลกระทบในเชิงบวก ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต

การรายงานที่อ่อนแอ เกี่ยวกับการเติบโตในการขาดดุลทางการค้าระหว่างประเทศ ของสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะมีมาตรการทั้งหมดที่มาจากรัฐบาลของทำเนียบขาว แต่ก็ไม่ได้ช่วยดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามา ส่วนการเพิ่มขึ้นในการนำเข้า และการลดลงในการส่งออก ได้ผลกระทบต่อตัวบ่งชี้หลัก

อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกา ที่ได้เปิดเผยว่า การขาดดุลการค้าสินค้าและบริการ ในเดือนมิถุนายนของปีนี้ ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 7.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ และมีจำนวนอยู่ที่ 46,35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการส่งออกได้ลดลงไป 0.7% ขณะที่ การนำเข้าได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 0.7% ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ว่า ยอดการขาดดุลน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 46.6 พันล้านดอลลาร์

ดัชนี PMI ผู้จัดการฝ่ายอุปทาน สำหรับภาคบริการ ในเดือนกรกฎาคม ปี 2018 ได้ลดลงไป 56.0 จุด เมื่อเทียบกับ 56.5 ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จากข้อมูลดังกล่าว ที่นำเสนอมาจากสถาบัน IHS Markit ก็ต้องขอเตือนว่า หากมูลค่ามากกว่า 50 จุดขึ้นไปนั้น ก็จะบ่งชี้ให้ทราบถึงการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมนั้นๆ