17.10.2018 09:26 AM
ทองคำเริ่มปรับตัวไปอย่างควบคุมไม่ได้
ไม่ว่าจะสิ้นหวังกับพื้นหลังของเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นมา ในช่วงแรกของเดือนตุลาคม สำหรับตำแหน่งของทองไม่น่าจับตามอง ที่เป็นเวลานานที่ไม่ได้สนใจกับพื้นหลังของปัจจัยภายนอกที่ดีที่โลหะมีค่าไม่สามารถมีได้ ทางด้านสงครามการค้า มีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นที่จะการชะลอยอดจีดีพีของประเทศจีน และเศรษฐกิจในระดับโลก, ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ Brexit, วิกฤตการณ์ทางการเมืองของประเทศอิตาลี และ สุดท้ายก็คือ ภัยของประเทศซาอุดิอาระเบียที่จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเป็น 100 เหรียญต่อบาร์เรล ในกรณีที่สหรัฐอเมริกากำหนดใช้มาตรการคว่ำบาตร จากมุมมองเชิงพื้นฐานก็จะพบว่า มันควรส่งเสริมต่อการเติบโตในอุปสงค์ของสินทรัพย์ที่ปลอดภัย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม จนกว่าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาจะมีผู้ซื้อขึ้นมานำ ก็จะมีโอกาสที่น้อยสำหรับทองคำ เพราะว่า สถานการณ์เช่นนี้ถูกมองว่าจากทางด้านนักลงทุน ว่าเป็นความเสี่ยงในระดับโลกที่ค่อนข้างสูง อีกประการหนึ่งก็คือ การปรับฐานของดัชนี S&P 500 ในประเด็นนี้ มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ทำไมตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการเคลื่อนตัวทะลุผ่านโลหะมีค่าของขีดจำกัดด้านบน ของระยะการซื้อขายที่ $ 1185-1215 ต่อออนซ์ นั้นคือช่วงการปรับตัวลงในรอบสองวันที่เลวร้ายที่สุด ของดัชนีหุ้นในสหรัฐอเมริกานับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
หลังจากที่สูญเสียไปแล้วราวๆ 10% ของมูลค่านับตั้งแต่เดือนเมษายน เมื่อเทียบกับพื้นหลังของนโยบายทางการเงินที่รัดกุมมากขึ้นของธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา และการปรับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐใหม่ ได้ทำให้ทองคำยังคงติดอยู่ในช่วงรวมกำลังเป็นเวลานาน มันได้รออยู่ในช่วงปีกและรออยู่ตามเดิม ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา กำลังทำให้นักลงทุนต้องกระจายพอร์ตการลงทุนของพวกเขา ซึ่งได้เพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์ที่เชื่อถือได้ และถึงแม้กระทั่ง ในช่วงเวลาที่มีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนที่เพิ่มขึ้น มันก็เชื่อได้ว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่ขโมยมาจากสกุลเงินเยน และสถานะของสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างโลหะมีค่า ตามความเป็นจริงแล้ว สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐก็มีจุดอ่อนอยู่นั้นเอง ทันทีที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง การไหลเวียนเข้ามาของเงินทุนต่างประเทศ ได้ถูกแทนที่ด้วยการไหลเวียนออกไป มันจึงทำให้ทองคำ สามารถแสดงกำลังออกมาได้ ตั้งแต่ช่วงที่มีการลงประชามติเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกภาพของสหราชอาณาจักรอังกฤษ ในสหภาพยุโรปในปี 2016
การเคลื่อนไหวของทองคำ
นอกจากนั้นแล้ว แนวโน้มของคู่ออนซ์และดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) จะขึ้นอยู่กับ ตลาดหลักทรัพยของสหรัฐอเมริกา และตำแหน่งของเงินดอลลาร์นั้นเอง แม้ว่าตามข้อเท็จจริงแล้ว การคาดการณ์ของโดยส่วนใหญ่จากผู้เชี่ยวชาญของ Bloomberg แสดงให้เห็นว่า อัตราผลตอบแทนของพันธบัตร อาจจะปรับตัวสูงขึ้นไปมากกว่า ระดับในปัจจุบันในช่วงสิ้นปีนี้ ทางด้าน Barclays เชื่อว่า ข้อมูลตัวเลขนี้จะลดระดับลงไปต่ำกว่า 3% อ้างอิงข้อมูลจากทางธนาคาร, นักลงทุน ที่ได้ประเมินความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจอเมริกันที่สูงเกินไป และข้อมูลททางสถิติที่อ่อนแอใน ยอดการค้าปลีก และอัตราเงินเฟ้อ ที่พิสูจน์ให้เห็นกันแล้ว สำหรับดัชนี S&P 500 ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะค่อนข้างอยู่ในช่วงการรวมกำลังอยู่ สำหรับการคาดการณ์ต่อผลกำไรของบริษัท ในปี 2018 ยังอยู่ในช่วงที่ดี (+ 23%) แต่มันกลับลดลงมาเล็กน้อยในปี 2019 (+10%)โดยผลกระทบจากมาตรการการกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่ลดลงไป และสงครามการค้า จะส่งผลต่อการชะลอตัวในยอดจีดีพีของสหรัฐอเมริกา
เงินดอลลาร์กำลังสูญเสียกำลังไปตามลำดับ ปัจจัยในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้ง 4 ครั้งจากส่วนกลาง จนถึงในช่วงสิ้นปี 2019 ได้ถูกนำมาพิจารณาเข้ากันกับมูลค่าในคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกันแล้ว ระหว่างที่มีการลดระดับลงในอัตราของการคืนทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่กำลังติดลบอยู่ภายในแนวโน้มขาขึ้นในดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสถานการณ์เช่นนี้จะทำให้พวกเรามองโลกในแง่ดีมากขึ้น เกี่ยวกับแนวโน้มของโลหะมีมูลค่านั้นเอง
ทางเทคนิคแล้วจะพบว่า ชาร์ตทองคำประจำวันยังคงมุ่งหน้าไปที่เป้าหมายที่ 88.6% ในกราฟรูปแบบ "ค้างคาว" อย่างแรกนั้นเองแนวโน้มขาขึ้น จำเป็นต้องเคลื่อนตัวทะลุผ่านแนวต้านที่ $1239-1244 ต่อออนซ์ไปให้ได้ก่อน
ชาร์ตประจำวันของทองคำ
คุณได้กดชื่นชอบโพสต์นี้ในวันนี้แล้ว
*บทวิเคราะห์ในตลาดที่มีการโพสต์ตรงนี้ เพียงเพื่อทำให้คุณทราบถึงข้อมูล ไม่ได้เป็นการเจาะจงถึงขั้นตอนให้คุณทำการซื้อขายตาม
รับผลกำไรจากการเปลี่ยนแปลงอัตราสกุลเงินดิจิทัลกับ InstaForex.
ดาวน์โหลด MetaTrader 4 และเปิดการซื้อขายครั้งแรกของคุณ.