ผู้เชี่ยวชาญได้ตั้งข้อสังเกตว่า สมาชิกในกลุ่มโอเปก อาจไม่พอใจกับการกระทำ และคำแถลงการณ์ของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา นาย Donald Trump จึงได้ตัดสินใจในการเลือกอยู่ฝ่ายเดียวกับ Vladimir Putin

ในช่วงก่อนหน้านี้ สมาชิกของกลุ่มประเทศพันธมิตรผู้ส่งออกน้ำมัน แสดงความกังวลจาก กิจกรรมที่เพิ่มขึ้นมาของประเทศรัสเซีย ในตลาดน้ำมันระดับโลก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องยอมรับว่า กรุงมอสโก สามารถช่วยโอเปกในการเพิ่มระดับการเติบโตของราคาน้ำมันได้ ในช่วงนี้ นาย Donald Trump พยายามกดดันทางองค์กรมากขึ้น

ตามความจริงแล้ว ผู้นำชาวอเมริกัน เพิ่มแรงกดดันกับทางโอเปกอย่างมาก และรวมถึงประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้งอย่าง ประเทสซาอุดิอาระเบีย เขาต้องการให้ทางองค์กร เพิ่มการผลิตมากขึ้น เพื่อลดราคาน้ำมันลงไป โดยนาย Donald Trump ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับปัญหาน้ำมัน เพราะมันมีบทบาทสำคัญในนโยบาย ภายในประเทศของสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีของปี 2020

เมื่อเร็วๆ มานี้ ทางโอเปกได้จัดการประชุมขึ้นมาตามกำหนด ก่อนหน้าที่จะเริ่มต้นขึ้นนั้นเอง ประธานาธิบดี Vladimir Putin จากรัสเซีย กล่าวว่า ข้อตกลงระหว่างโอเปกกับ ประเทศสมาชิกที่ไม่ได้อยู่ในโอเปก จะมีการขยายระยะเวลาออกไป ส่วนนาย Bijan Zangeneh รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันของประเทศอิหร่าน แสดงความไม่พอใจต่อการแถลงการณ์ดังกล่าว เขากล่าวว่า ความคิดเห็นของนาย Putin เกี่ยวกับการยืดระยะเวลาของข้อตกลงนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น แต่ต่อมา เขาได้เปลี่ยนความคิดเห็นของเขา

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ประเทศรัสเซียและโอเปก จะกลายมาเป็นหุ้นส่วนกันอย่างไม่ได้คาดคิดมาก่อน หลังจากที่ได้จัดตั้งพันธมิตร OPEC + ขึ้นมา สำหรับการทำเช่นนั้น พวกเขาได้ตั้งเป้า ที่จะลดการผลิตน้ำมันจากทั่วโลกลงไป ระหว่างที่ยังมีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจระดับโลกและ ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญมั่นใจว่า ทั้งสองฝ่ายจะได้รับผลประโยชน์ จากข้อตกลงนี้ นอกจากนั้นราคาน้ำมันที่สูง ยังเป็นข้อได้เปรียบ ของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอีกด้วย นอกจากนี้ ประเทศพันธมิตรยังสามารถให้การสนับสนุนสถานะ ของโอเปก และช่วยในการต้านแรงกดดันของนาย Donald Trump

ประเทศพันธมิตรผู้ส่งออกน้ำมัน เห็นว่าประเทศรัสเซียจะกลายมาเป็นผู้เข้าร่วมรายใหญ่ ในตลาดน้ำมันระดับโลก และก็เตรียมพร้อมที่จะมาเจรจากับประเทศนี้ต่อไป นอกจากนี้แล้ว ประเทศอิหร่าน, อิรัก และซาอุดิอาระเบีย ยังพิจารณาถึง ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของรัสเซียว่าเป็นปัจจัยเชิงบวก

ทัศนคติเชิงบวกที่เป็นเสียงเดียวกัน ต่อประเทศรัสเซีย นั้นถือว่าเป็น สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่พิเศษกับความสัมพันธ์โอเปกและรัสเซีย ซึ่งค่อนข้างมีความตึงเครียดกันมานาน มันได้ส่งผลต่อหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัสเซียตกลงที่จะลดการผลิตพร้อมกับโอเปกในปี 2001 แต่แล้ว มันก็ต้องยกเลิกข้อตกลง และเพิ่มการผลิตแทนที่ โดยปกติแล้วนั้น สมาชิกของกลุ่ม OPEC + แสดงความไม่พอใจต่อพฤติกรรมดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบันมีความแตกต่างกันอยู่

ที่การประชุม G20 ในโอซาก้า ทางประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin ได้ตกลงกับ มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย Mohammed bin Salman เพื่อขยายข้อตกลงการส่งออกระหว่างโอเปกและ ประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกในโอเปก อย่างที่เห็นได้ชัดว่า ข้อตกลงนี้เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย

ผู้เชี่ยวชาญ ให้ความสนใจกับข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้นำของประเทศมหาอำนาจทั้งสอง คือสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย ต่างก็มุ่งหน้าไปหาเป้าหมายที่แตกต่างกัน คุณ Gary Ross หัวหน้าผู้บริหารของ Black Gold Investors ได้กล่าวว่า “ ทรัมป์มีความสนใจเดียวคือ ราคาน้ำมันที่ลดลง ส่วนนาย Putin ต้องการราคาให้สูงขึ้น”

นักวิเคราะห์ เชื่อว่า การร่วมมือกับทางโอเปก เป็นไปตามความต้องการของประเทศรัสเซีย เนื่องจากรายได้ของภาคพลังงาน คิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 50% ของงบประมาณของประเทศ สำหรับราคาน้ำมันที่ระดับ 45-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะเป็นประโยชน์ต่อมอสโก เนื่องจากมันสามารถช่วยในการชดเชย การขาดดุลของงบประมาณได้ ในตอนนี้ สภาพทางการเงินของรัสเซีย ยังไม่ดีนัก เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของอเมริกา สำหรับประเทศซาอุดิอาระเบีย มันจำเป็นต้องทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นมา อย่างน้อยๆ ใน 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาปัจจุบันของระดับมาตรฐานของน้ำมันดิบเบรนท์ จะอยู่ที่ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นอกจากนั้น พันธมิตรของโอเปก-รัสเซีย ยังสามารถเอื้อผลให้กับ เศรษฐกิจในระดับโลก และผู้เข้าร่วมทุกท่านจากข้อตกลง สำหรับรัสเซีย สามารถเพิ่มอิทธิพลในภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้ด้วยความสัมพันธ์แบบฉันมิตรกับทางริยาด ที่เป็นประเทศพันธมิตรของทางวอชิงตัน ในอนาคต การร่วมมือเช่นนี้ อาจจะช่วยให้รัสเซีย สามารถดำเนินการเจรจาทางการทูต กับสหรัฐอเมริกาได้ นอกเหนือจากนั้น ประเทศอิหร่าน ยังต้องการการสนับสนุน จากรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งใน ไม่กี่ประเทศที่ให้ความช่วยเหลือ ในการต่อต้านการคว่ำบาตรของอเมริกา ตามความเป็นจริงแล้ว การคว่ำบาตรครั้งใหม่ ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ต่อเศรษฐกิจของอิหร่าน เนื่องจากการส่งออกน้ำมันดิบ จากประเทศ ได้ลดลงไปเหลืออยู่ที่ 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ของเดือนก่อนหน้านี้ ในทางกลับกัน รัสเซียใช้ทรัพยากรของตนเอง เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจของอิหร่าน และในขณะเดียวกัน ก็ยังเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ให้กับสถานะในตลาดน้ำมันระดับโลก