จากการรายงานล่าสุดที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึง การเติบโตทางเศรษฐกิจในในไตรมาสที่สองของประเทศจีน อยู่ในระดับที่น้อยที่สุด ในรอบ 27 ปีที่ผ่านมา ในช่วงรายงานข้อมูลนี้ ราคาน้ำมัน ร่วงลงไปอย่างมาก ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ระดับราคาตามมาตรฐานน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวอย่างมาก โดยที่ราคาพุ่งขึ้นไปยังระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ในภายหลัง ราคาของเบรนต์ ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 0.33% ในระดับ 66.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าจาก WTI ลดระดับลงมาอยู่ที่ 0.45% ในระดับ 59.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นอกจากนั้น พายุ Barry เองก็มีผลกระทบเชิงลบ ต่อราคาน้ำมันด้วยเช่นกัน โดยโรงกลั่นน้ำมัน ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ฉุกเฉิน ยังไม่ได้ปิดตัวลงไป ถึงแม้ว่าจะมี ภัยคุกคามจากน้ำท่วม แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตน้ำมัน ในอ่าวเม็กซิโก ได้ลดระดับลงไปอยู่ที่ 73% หรือใน 1.38 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุด ยังสามารถลดปริมาณการซื้อน้ำมันได้ เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนในไตรมาสที่สองของปีนี้พบว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่ 6.2% เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศ และอุปสงค์จากต่างประเทศลดระดับลงมา ทางด้านผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่า ความขัดแย้งทางการค้าที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง กับสหรัฐอเมริกา อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ