เจ้าหน้าที่ของบางประเทศ กำลังพยายามที่จะเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลผู้ใช้งาน เพื่อควบคุมประชาชนไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในระหว่างที่ เจ้าหน้าที่ของประเทศอื่นๆ ในทางกลับกันก็ยังคงยึดติดอย่างเข้มงวด ถึงการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ในการรักษาความลับ โดยข้อยกเว้นที่น่าสังเกตก็คือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีสิทธิและเสรีภาพมาก่อนอันดับแรก

ภายในกระบวนการพิจารณาคดีของศาล สำหรับการรวบรวมข้อมูลผู้ใช้งานของ Facebook ถึง 87 ล้านคน ทางด้านคณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐท้องถิ่น ได้อนุมัติถึงค่าปรับ ที่คิดเป็นเงินได้จำนวนถึง 5 พันล้านเหรียญสำหรับทาง Facebook นอกจากนี้ บริษัทจะถูกจำกัดสิทธิ์ ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และจะต้องเพิ่มการปกป้องข้อมูลผู้ใช้งานที่ได้เก็บไว้อีกด้วย ในตอนนี้ รายละเอียดหลักของคดี ยังไม่มีการนำเสนอออกมา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การรายงานทางการเงินของ ผู้ให้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์กในไตรมาสแรกของปีนี้ มีข้อมูลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อย่างไม่ได้คาดการณ์ไว้ ที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนของเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกา ระดับของการสูญเสียอยู่ที่ประมาณ 3-5 พันล้านเหรียญ อีกอย่างที่น่าสนใจในช่วงเดือนมีนาคมของปีที่แล้วคือ ผู้บริหารของ Facebook ออกมารายงานว่า มีจำนวนผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ จากการรั่วไหลของข้อมูล อยู่ที่ 50 ล้านคน ในขณะที่ ในช่วงเดือนเมษายน ได้มีการแก้ไขตัวเลขมาเป็น 87 ล้านคน นอกจากนั้น Facebook เปิดเผยว่า ได้มีการเรียกเก็บข้อมูลไปจากทาง Cambridge Analytica บริษัทนี้ ได้รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ของผู้ใช้ในเครือข่ายโซเชียลที่ใหญ่ที่สุด ผ่านทางแอพพลิเคชั่น แล้วยังใช้มันเพื่อจุดประสงค์ของการโฆษณาทางการเมือง ทาง Cambridge Analytica เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ในช่วงเวลาของการหาเสียงประธานาธิบดี และการลงประชามติในสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับการถอนตัวของสหราชอาณาจักรในปี 2016 จากสหภาพยุโรป

ปัญหาอีกประการหนึ่งคือ Bing ที่เป็นเครื่องมือช่วยการค้นหาของ Microsoft โดยเครือข่ายโซเชียล "อนุญาต" ให้ Bing ดูชื่อเพื่อนของผู้ใช้ได้เกือบทั้งหมด โดยปราศจากการยินยอม และยังเปิดใช้งานสำหรับ Netflix และ Spotify เพื่อดูข้อความส่วนตัวของผู้ใช้อีกด้วย