ซาอุดิอาระเบียต้องการที่จะยืนยันถึงความเป็นผู้นำในหมู่ผู้ส่งออกน้ำมันให้ได้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น หน่วยงานของทาวราชอาณาจักรมุ่งมั่นที่จะบีบคู่แข่งขันของอิหร่าน ออกจากตลาดน้ำมันดิบระดับโลก

มกุฎราชกุมาร Mohammed bin Salman แห่งซาอุดิอาระเบียกล่าวว่าราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เว้นเสียแต่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรวมตัวกัน เพื่อกดดันอิหร่านที่ได้กระตุ้นการผลิตน้ำมันอย่างมาก ที่อาจกลายมาเป็นภัยคุกคามต่อตลาดน้ำมันโลกได้

ด้วยแนวคิดต่ออิหร่านเช่นนี้นั้นได้มาจาก การโจมตีทางโดรนต่อโรงงานผลิตน้ำมันรายใหญ่ของรัฐอย่าง Saudi Aramco สำหรับกลุ่มกบฏ Houthi จากเยเมนอ้างว่ามีความรับผิดชอบต่อการทิ้งระเบิด อย่างไรก็ตามหประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกา,เกรทบริเตน, เยอรมนี และฝรั่งเศสเชื่อว่าทางกรุงเตหะรานต้องถูกตำหนิในด้านนี้ ในทางกลับกันอิหร่านเองก็ปฏิเสธถึงการมีส่วนร่วมในการโจมตีที่เกิดขึ้น

หลังจากการโจมตีทางอากาศเกิดขึ้น กรุงริยาดลดปริมาณผลผลิตน้ำมันลงเกือบครึ่งหนึ่ง หรือ 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทางราชอาณาจักรได้ปรับปรุงโรงงานแปรรูปน้ำมันดิบให้เทียบเท่ากับกำลังการผลิตเดิมก่อนจะถึงกำหนด คาดการณ์ว่าทาง Saudi Aramco จะตอบสนองต่อความมุ่งมั่นต่อลูกค้าผ่านทางปริมาณน้ำมันสำรองเชิงกลยุทธ์

มีการอ้างถึงมกุฎราชกุมารของซาอุดิอาระเบียที่เกี่ยวกับ การโจมตีทางโดรนครั้งล่าสุดอาจมองได้ว่า เป็นตัวจุดชนวนของสงคราม ในกรณีที่มีความขัดแย้งระหว่างกรุงริยาด และกรุงเตหะรานเพิ่มมากขึ้น ประเทศในแถบตะวันออกกลางจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง Mohammed bin Salman ได้เน้นย้ำว่า 30% ของแหล่งน้ำมันทั่วโลกได้อยู่ในรัฐอ่าวถึง 20% ของเส้นทางการค้าผ่านไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง จีดีพีคิดได้เป็น 4% ในเศรษฐกิจโลกโดยทั้งหมด ความขัดแย้งที่ใช้อาวุธโดยตรง ระหว่างซาอุดิอารเบีย และอิหร่าน อาจทำลายความสมดุลในการจัดการของรัฐไปได้

ลูกชาย และที่ปรึกษาสูงสุดของกษัตริย์ Salman มีความมั่นใจว่าอิหร่านกำลังใช้ประโยชน์จากความประมาทเลินเล่อของประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในรูปของความท้าทายต่อระเบียบโลก ดังนั้นแล้วความตึงเครียดทางการเมืองในประเทศทางแถบตะวันออกกลางจะทำให้เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในภาวะเสี่ยง เนื่องจากมีผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน Mohammed bin Salman ออกมาเตือนว่า ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งสูงขึ้นไปแบบที่มองไม่เห็นก่อนหน้านี้

กรุงริยาดพร้อมที่จะจัดการกับปัญหาโดยผ่านบุคคลที่สาม โดยไม่เต็มใจที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางทหาร มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียได้เชิญประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Donald Trump ให้มาพบกับผู้นำของอิหร่าน คุณ Hassan Rouhani และเจรจาถึงข้อตกลงใหม่เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของกรุงเตหะราน ทางราชอาณาจักรต้องการที่จะระงับความวุ่นวายทางการเมืองในรัฐอ่าวด้วยการเคลื่อนไหวนี้