เศรษฐกิจของจีนได้เริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่เกิดขึ้นเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ผู้เชี่ยวชาญได้บันทึกข้อมูล PMI ด้านการผลิตของจีนที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจได้รับแรงผลักดันในเดือนพฤษภาคม ขณะที่การแพร่ระบาดครั้งใหญ่บรรเทาลง และผลกระทบเชิงลบเริ่มลดลง อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของจีนยังคงอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ นักวิเคราะห์มองว่าโรงงานกำลังกลับมาเปิดตามปกติ แต่ผู้บริโภคยังไม่มีวี่แววจะกลับมา เศรษฐกิจไม่น่าจะดีดตัวขึ้นเนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคยังคงซบเซา พลเมืองชาวจีนกำลังละเว้นจากการซื้อ และแนวโน้มนี้ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้การเพิ่มขีดความสามารถของผู้บริโภคนั้นจะกลายเป็นงานที่ยากขึ้น

อ้างอิงจากข้อมูลปัจจุบันพบว่า ยอดการค้าปลีก และการลงทุนได้ลดลงไปเป็นเวลานาน นักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มเชิงลบแบบนี้สะท้อนให้เห็นว่าภาคอื่นๆ ของเศรษฐกิจจีนกำลังดิ้นรนหาทางออก จากผลกระทบของเชื้อไวรัสโคโรน่า

ข้อมูลจากสำนักสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า อย่างไรก็ตาม จากมาตรการบางอย่างเศรษฐกิจกำลังกลับมาสู่ภาวะปกติ ถึงแม้จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดคลื่นลูกที่สองของเชื้อไวรัสโคโรน่า ในเดือนพฤษภาคมตัวเลข PMI ด้านการผลิตของจีนเพิ่มขึ้นมาเป็น 4.4% ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุด นับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี2020

ในภาคการค้าปลีกสถานการณ์ยิ่งซบเซาลงกว่าเดิม ยอดการค้าปลีกได้ปรับตัวลงเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกัน ในเดือนพฤษภาคมตัวเลขได้ลดลงไป 2.8% จากเดิมใน 7.5% ของเดือนเมษายน 2020 โดยมีสาเหตุหลักอยู่สองประการสำหรับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลงไปยังระดับต่ำ นั้นก็คือการปลดพนักงานจำนวนมาก อันเกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า และความกังวลเกี่ยวกับคลื่นลูกที่สองของเชื้อไวรัส COVID-19

ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม จนถึงเดือนพฤษภาคมมีการลดลงของการลงทุนในตราสารทุนถาวรถึง 6.3% ขณะที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่าจะลดลงไปยัง 5.9% การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของจำนวนเงินทั้งหมดได้ลดลงไป 9.6% จากเดือนมกราคม จนถึงพฤษภาคม