ถึงแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐและนาย Donald Trump ประธานาธิบดีของสหรัฐยังคงให้ความมั่นใจต่อทุกคนว่า ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมแม้ว่าผลมันออกมาเกิดขึ้นมาในทิศทางตรงกันข้าม พวกเขากำลังทำทุกวิถีทางตามแนวทางเขาเพื่อควบคุมให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าอ่อนตัวลง แต่ยังมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นมา นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าตลาดหุ้นที่มีผลออกมาดีไม่ได้เป็นผลมาจากแนวทางแก้ปัญหาของทั้งเฟด และรัฐบาลแต่จากผลจากนโยบายทางการเงินแบบพิเศษของธนาคารกลาง

วิกฤติเศรษฐกิจโลกที่กำลังเกิดขึ้น, ปัญหาทางการเงินขององค์กรขนาดใหญ่ ตลอดจนภัยคุกคามจากการแพร่ระบาดครั้งที่สองได้ทำให้เฟดหันมาใช้มาตรการแบบ QE ดังนั้นแล้วทางหน่วยงานจึงยังคงควบคุมอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม แต่ในขณะเดียวกันมันก็พร้อมที่จะเปิดตัวโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณอีกครั้ง โดยตั้งใจที่จะพิมพ์เงินออกมาให้มากที่สุดตามที่จำเป็นเพื่อให้ตลาดเติบโตได้และสนับสนุนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามมันยังไม่เพียงพอที่จะบรรลุตัวชี้วัดที่สูงขึ้นในด้านต่างๆ อย่างเช่นการลงทุนทางธุรกิจ, อัตราเงินเฟ้อ และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ต่ำ ผู้เชี่ยวชาญมั่นใจว่าทั้งสามด้านนี้จะสร้างความปวดหัวให้กับธนาคารกลางไปอีกนาน และฉุดเศรษฐกิจลงไปแม้ว่าหน่วยงานยังพยายามลดระดับวิกฤติเชื้อไวรัสโคโรน่า

สิ่งที่น่ากล่าวอีกคือท่าทีของเฟดเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ที่ดูเข้มงวดกว่าเดิมเมื่อเทียบกับธนาคารกลางชั้นนำแห่งอื่นๆ อย่างเช่นธนาคารกกลางแห่งยุโรป, ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นและแห่งอื่นๆ พวกเขากำลังควบคุมอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเดิม นี่คือเหตุผลที่ทำให้การตัดสินใจของเฟดที่จะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยสำคัญ ที่บ่งชี้ถึงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินเชิงรุกมากขึ้น