การตัดสินใจของฝ่ายบริหารของนายไบเดนในการขึ้นภาษีเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ไม่น่ายินดีนักสำหรับชาวอเมริกันที่มีฐานะร่ำรวย มหาเศรษฐีในประเทศจะเผชิญหน้ากับการขึ้นภาษีรอบใหญ่ครั้งแรกในรอบ 28 ปี รัฐบาลได้ไตร่ตรองแผนนี้มาระยะหนึ่งแล้ว โดยเกิดขึ้นจากโรคแพร่ระบาด ประเทศต้องการเงินเพื่อไปอุดช่องโหว่ในงบประมาณและเพื่อเป็นทุนมาตรการบรรเทาทุกข์ทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่เกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์ สหรัฐเลือกที่จะเปลี่ยนภาระทางการเงินให้กับชาวอเมริกันที่ร่ำรวยและกลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวยเป็นพิเศษแทนที่จะกำหนดให้กับประชาชนทั่วไป

อัตราภาษีนิติบุคคลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 28% จากเดิม 21% ขณะเดียวกันรัฐบาลได้กำหนดให้ยกเลิกภาษีหลายส่วนสำหรับบริษัทจำกัด (LLC) ยิ่งไปกว่านั้นประธานาธิบดีไบเดนพิจารณาว่าจะเพิ่มภาษีเงินได้สำหรับผู้ที่มีรายได้มากกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปีหรือไม่ และการใช้อัตราภาษีที่สูงขึ้นสำหรับผู้ที่มีรายได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ต่อปี นายไบเดนกล่าวว่ามานานแล้วว่าที่ชาวอเมริกันต้องการนโยบายภาษีที่มีความเป็นธรรม ดังนั้นตอนนี้เขากำลังจัดการกับแผนการล่วงหน้า

ช่วงก่อนหน้านี้วุฒิสมาชิกกลุ่มหนึ่งที่นำโดยคุณ Elizabeth Warren ได้เสนอให้มีการเก็บภาษีความมั่งคั่งสำหรับกลุ่มเศรษฐีที่มีฐานะร่ำรวยแบบพิเศษ หากผู้กำหนดนโยบายออกกฎหมาย Ultra-Millionaire Tax Act เศรษฐีชาวอเมริกันจะต้องจ่ายเงินลดหย่อนภาษีหลายพันล้านดอลลาร์ สำหรับประชาชนทั่วไป 85% ของครัวเรือนจะได้รับเงิน 1,400 ดอลลาร์ต่อคน นอกจากนี้สิทธิประโยชน์การว่างงานอื่นๆประจำสัปดาห์อีก 300ดอลลาร์ จะขยายออกไปจนถึงเดือนกันยายน