ผลการศึกษาล่าสุดจากองค์กรการกุศล Surfers Against Sewage (SAS) ยืนยันว่าขวดของแบรนด์ที่มีชื่อว่า Coca-Cola ยังคงเป็นขยะพลาสติกที่พบเจอได้บ่อยที่สุดตามชายหาดของสหราชอาณาจักร สื่อท้องถิ่นได้ขนานนามแบรนด์ที่มีชือ่เสียงโด่งดังระดับโลกว่าเป็นวายร้ายแห่งชายหาด

จากกรอบของการศึกษาพบว่าอาสาสมัครเกือบ 4,000 คนเก็บขยะบนชายหาดรวมระยะทางทั้งหมด 11,000 ไมล์ (17,700 กิโลเมตร) ในระหว่างการศึกษาครั้งนี้ได้มีการรวบรวมบรรจุภัณฑ์ที่มีตราสินค้าไปแล้วประมาณ 10,000 ชิ้นซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ 328 บริษัท โดย 65% ของมลพิษจากบรรจุภัณฑ์ที่มีตราสินค้าในสหราชอาณาจักรเกิดจาก 12 บริษัทเช่น Coca-Cola, PepsiCo, AB InBev, McDonald's, Mondelez International, Heineken, Tesco, Carlsberg Group, Suntory, Haribo, Mars และ Aldi อย่างไรก็ตามสินค้าของ Coca-Cola มักถูกพบบ่อยกว่าแบรนด์สินค้าอื่นๆ

ผลลัพธ์ของการทดลองนี้กลายเป็นพื้นฐานสำหรับการเปิดตัวแผนการระบบมัดจำที่เร็วยิ่งขึ้น โดยเป็นแผนการที่ผู้บริโภคจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการฝากเพิ่มเติมเมื่อซื้อเครื่องดื่มในภาชนะแบบที่ใช้ได้แค่ครั้งเดียว เงินส่วนนี้ทำหน้าที่เป็นแรงจูงใจในการสนับสนุนการรีไซเคิล เนื่องจากจะแลกเป็นเงินคืนได้เมื่อผู้บริโภคส่งคืนภาชนะเปล่าไปยังจุดส่งคืน ผลิตภัณฑ์มากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัททั้ง 12 แห่งที่สร้างมลพิษบนชายหาดและอีก 80% ของบรรจุภัณฑ์ Coca-Cola เองก็ถูกพบจากการดำเนินกโครงการนี้ ในเวลาเดียวกันเจ้าหน้าที่ของ SAS ตั้งข้อสังเกตไว้ว่าแม้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งจะเพิ่มจำนวนสูงขึ้นอันเป็นผลมาจากการระบาดครั้งใหญ่แต่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลยังสร้างมลพิษจากการเป็นพลาสติกที่ไม่มีชื่อสินค้าถึง 2.5%

โฆษกของ Coca-Cola แสดงความเสียใจที่บรรจุภัณฑ์ของบริษัทไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรพบ โดยบริษัทกล่าวว่า “บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดของทางเราสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 100% และเป้าหมายของเราคือการนำกลับมาใช้ใหม่ให้มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อสามารถรีไซเคิลและเปลี่ยนเป็นบรรจุภัณฑ์ใหม่ได้อีกครั้ง”