เงินดอลลาร์บรรลุรอบสัปดาห์นี้ด้วยทิศทางที่แตกต่างออกไป โดยมันได้ทนต่ออัตราการแข็งค่า เมื่อเทียบกับสกุลเงินของสินค้า แต่ก็ยังมีการปรับตัวลงมาในสินทรัพย์แบบปลอดภัย

มีอีกหลายเหตุผลตามปกติที่ การรายงานอัตราเงินเฟ้อที่ออกมาในวันพุธ จะมีการปรับตัวสูงขึ้นกว่าการคาดการณ์ และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเองก็ปรับตัวขึ้นมาร้อยละ 1.8 เป็นครั้งแรกในรอบห้าเดือน แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังไม่มีความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวแบบยั่งยืนเกิดขึ้นมา สำหรับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามหวังก็คือการรายงานยอดการค้าปลีกในรอบเดือนตุลาคม ที่มีการเติบโตขึ้นมาร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้อยู่ที่ร้อยละ 1.9 หากไม่คิดรวบกับบัญชีรถยนต์แล้วจะพบว่า การเติบโตนั้นสามารถเห็นได้จริง โดยที่กิจกรรมการบริโภคที่อ่อนแอไม่ได้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการพยุงอัตราเงินเฟ้อขึ้นมา

จากการรายงานที่ออกมาในวันพุธจากกระทรวงการคลังจะพบได้ว่า การไหลเวียนเข้ามาของเงินทุนจากต่างประเทศมาในสหรัฐอเมริกา มีการปรับตัวขึ้นมาเป็นลำดับ แต่ก็ยังมีการปรับตัวลดลงมาที่เกิดขึ้นในเดือนธันวาคมในปีที่ผ่านมา หลังจากที่ชัยชนะของการเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นของ Donald Trump สำหรับอุปสงค์ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงระดับการเพิ่มขึ้นของการคาดการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการปฏิรูป

คำถามเกี่ยวกับความมั่นใจในตอนนี้อาจจะไม่ได้อยู่ในแนวโน้มเดิม ในวันพฤหัสบดีพบว่า สภาผู้แทนราษฎรสภาคองเกรสอนุมัติร่างพระราชบัญญัติปฏิรูปภาษีในสหรัฐอเมริกา โดยก้าวย่างนี้ทำให้เกิดการปรับตัวขึ้นมาของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐไปในระดับสูงใหม่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้ โดยที่อุปสงค์ของทองคำ และสินทรัพย์ปลอดภัยได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างมาก ถึงแม้ว่ามีข้อเท็จจริงอยู่ว่า แนวโน้มของเศรษฐกิจแบบมหภาคโดยรวมจะยังคงอยู่ในแดนบวก เหตุผลสำหรับสิ่งนี้ก็คือ ถึงแม้ว่ามีชัยชนะเกิดขึ้นมาในสภาล่าง แต่ความเสี่ยงของการดำเนินการผ่านร่างกฎหมายในสภาคองเกรสเองก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยที่ สภาผู้แทนราษฎรมีแผนการปฏิรูปด้วยคะแนนเสียง 227/205 ไม่มีคนจากพรรคเดโมเครททำการโหวตสำหรับร่างกฎหมายนี้ และนอกจกานั้น มี 13 เสียงจากพรรครีพับลิกันที่โหวตไม่เห็นด้วย นั้นหมายความว่ายังไม่มีศูนย์กลางของการดำเนินงานในพรรคของนาย Trump ดังนั้นแล้วการอนุมัติจากวุฒิสภาก็ยังคงเป็นที่น่าเสี่ยงถึงแม้ว่าพรรครีพับลิกันเองจะได้เปรียบมากกว่าเล็กน้อยในสภาสูงของคองเกรส ที่มีคำเเนนเสียงโหวตถึง 52 ต่อ 48

ตลาดเองก็ทำการพิจารณาผลว่าอาจเป็นภัยต่อการเติบโตในความเสี่ยงทางด้านการเมือง ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ของสินทรัพย์ปลอดภัย

จากความเสี่ยงในสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ พบว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อ้างอิงข้อมูลจากตลาดฟิวเจอร์ของ CME ที่ได้ออกมาระบุว่า การคาดการณ์ต่ออัตราการเติบโตของทาง ธนาคารกลางแห่่งสหรัฐอเมริกา อาจจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนนักลงทุนหลายคนได้ทำการพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับ โอกาสถึง 50% ในเดือนมีนาคมของปี 2018 ที่อาจจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกครั้ง นั้นหมายความว่าตลาดจะยังไม่พบกับภัยในระดับเศรษฐกิจมหภาคต่อแผนการของเฟด

สถานะเดียวกันที่มีการออกเสียงในผลของการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวในเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่คงตัว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มันก็ไม่อาจป้องกันจากแนวโน้มของการเติบโตใน GDP ของสหรัฐอเมริกาในทิศทางที่อาจมีการปรับตัวลง สำหรับวิธีการของทาง IMF นั้นได้อธิบายไว้ว่ามีความจำเป็นที่จะปรับนโยบายการคลังของสหรัฐอเมริกา เพราะว่า การลดภาษีอาจส่งผลต่อการสูญเสียงบประมาณถึง 1.5ล้านล้านเหรียญในส่วนของรายรับเกือบ 10 ปี สำหรับการพัฒนาที่คงทนนั้น พวกเราจำเป็นต้องหาวิธีการอื่น

วันที่สำคัญของสัปดาห์ที่จะถึงก็คือวันพุธ มีการรายงานในคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกิจกรรมของผู้บริโภค และระดับของกำลังการผลิต ที่จะมีการรายงานออกมา การคาดการณ์นั้นไม่ค่อยจะดี แล้วมีการคาดการณ์ที่ประเมินถึง การลดปริมาณของคำสั่งไปในร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับร้อยละ 2.2 ในเดือนกันยายน ดังนั้นแล้วการคาดการณ์ที่น้อยอาจจะสร้างแรงกดดันต่อเงินดอลลาร์ ส่วนผลการประชุมของคณะกรรมการผู้กำหนดนโยบายทางการเงิน หรือ FOMC ในวันที่ 1 พฤศจิกายน จะมีการรายงานออกมาในวันพุธ ซึ่งอาจจะสร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด นอกจากนั้นแล้ว การประชุมครั้งล่าสุดของคณะกรรมการเองก็ไม่ได้มีข้อมูลใหม่ๆออกมา และจากต้นแบบอีกด้วย ทางด้านตลาดเองก็ยังไม่คาดถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นมา

โดยรวมแล้ว สกุลเงินดอลลาร์ยังคงอยู่ในสถานะที่เหมาะสม แล้วยังไม่มีภัยที่อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ดังนั้นแล้วส่วนต่างของผลตอบแทนจะเพิ่มขึ้นมา โดยไม่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงทางการเมือง ส่วนสกุลเงินที่ปลอดภัยจำเป็นต้องหาข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการเติบโตที่เพิ่มขึ้นมา นอกจากนั้นทางตลาดเองจะไม่มีการเคลื่อนไหวในรอบสีปดาห์ เพราะว่าไม่มีเหตุการณ์ที่สำคัญออกมา ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อแนวโน้มนักลงทุนได้ตามที่คาดเอาไว้