ยูโรโซน

เงินยูโรมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มประเทศ G10 และเหตุผลหลักสำหรับความมั่นใจนี้มาจากฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแรง โดยทางยูโรโซนนั้นได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตในอัตราที่สูงในด้าน การผลิต จึงทำให้ยอดการค้านั้นมีการปรับตัวขึ้นมา รวมทั้งดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเองก็ปรับตัวตามๆกันมา

อัตราการเติบโตของยอด GDP ในปี 2017 นั้นอยู่ในร้อยละ 2.4โดยข้อมูลนี้ได้สอดคล้องกับการคาดการณ์ ทางด้านการผลิตของอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม ได้ปรับตัวขึ้นมาถึงร้อยละ 5.2 ซึ่งปรับตัวสูงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และส่วนเกินทางการค้าเองก็ปรับตัวไปมากกว่าการคาดการณ์

หากเทียบกับส่วนที่เหลือของการเติบโตด้านเศรษฐกิจ และการยกเลิกการใช้งานนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายนั้น เงินยูโรก็ได้พบกับอุปสงค์ที่คงตัว และทางการของธนาคารกลางแห่งยุโรปเองก็ยังไม่ได้แสดงถึงความวิเศษของการที่มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ โดยอย่างน้อยก็อาจะช่วยระงับความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นสูงได้

ผู้บริหารจาก ธนาคารกลางแห่งยุโรป คุณ Benoit Coeure ได้ออกมากล่าวในวันศุกร์ว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนในตลาดระดับโลก เนื่องจากการปรับฐานนั้นเกิดขึ้นตามลำดับและมัการกำหนดขอลเขจ นอกจากนั้นแล้ว คุณ Coeure ได้ออกมาเน้นย้ำถึงสถานะของ ธนาคารกลางแห่งยุโรป ว่า อัตราอาจจะยังไม่มีการปรับขึ้นมา "เป็นช่วงที่นาน" หลังจากที่มีสิ้นสุดการซื้อสินทรัพย์ และในสถานะนี้มีการแบ่งปันกันเป็นเอกฉันท์โดยทุกคนในธนาคารกลางแห่งยุโรป

ในวันจันทร์ มีการนำเสนอการรายงานในรอบเดือนของทาง Bundesbank ที่ควรจับตามอง ในวันอังคารทางสถาบัน ZEW จะทำการรายงานดัชนีของความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในยูโรโซน และในวันพฤหัสบดี จะมีการรายงานจากทางด้าน IFO ส่วนทั้งสองการรายงานนั้นคาดว่าจะอยู่ในแดนบวก พร้อมกันกับที่มีแนวโน้มอาจมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยในอนาคต

นอกจกานั้นในวันพฤหัสบดีพบว่า มีผลการประชุมของการประชุมในเดือนมกราคมของ ธนาคารกลางแห่งยุโรป ที่จะมีการนำเสนอออกมา ซึ่งเป็นที่น่าสนใจจากมุมมองของการพัฒนาในการเจรจาภายใน

เงินยูโรยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยการปรับตัวลงในปัจจุบันก็ยังเกิดขึ้นอยู่ และอาจจะลดลงไปใน 1.2320

สหราชอาณาจักรอังกฤษ

สกุลเงินปอนด์ได้ลดลงไปในวันศุกร์ ซึ่งสอดคล้องกับเงินยูโร โดยตัวกระตุ้นสำหรับการปรับตัวลง นอกจากข้อมูลของทางสหรัฐอเมริกาแล้ว ก็ค่อนข้างมีตัสวเลขที่อ่อนแอ ในการรายงานยอดการค้าปลีกในเืดอนมกราคม หลังจากที่ได้ปรับตัวลงไปถึงร้อยละ 1.4 ในเดือนธันวาคมนั้น การเติบโตของเดือนมกราคมอยู่ในร้อยละ 0.1พร้อมกันกับการเติบโตในรายปีที่อยู่ในร้อยละ 1.6 โดยที่แนวโน้มหลักได้มุ่งหน้าลงไปในยอดการขาย หลังจากที่มีการเกิดการทำประชามติการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปหรือ Brexit นั้นเอง

ในวันนี้ นายกรัฐมนตรีหญิง Theresa May จะทำการแถลงการณ์ใน Munich เกี่ยวกับสถานการณ์ Brexit ซึ่งอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใน การประเมินโดยรวมของสถานการณ์ในการเจรจาการถอนตัวนั้นเอง ในสัปดาห์หน้าวันพุธ จะมีการแถลงการณ์มาจากทางคุณ Boris Johnson สำหรับอุปสงค์ในเงินปอนด์ในช่วงสัปดาห์นี้ยังค่อนข้างมีความมั่นใจอยู่ในส่วนของผลลัพธ์จากการเจรจา ที่ทั้งสองฝ่ายก็มีความพึ่งพอใจทั้งคู่ และต่อจากนั้นนักลงทุนก็อาจจะไม่ให้ความสนใจกับความตึงเครียดที่เกิดขึ้นอย่างมากในด้านสื่อ

วันที่สำคัญของสัปดาห์ที่จะถึงนั้นจะมีการรายงานออกมาในวันพุธ เมื่อมีการรายงานจากตลาดแรงงาน และการรายงานเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในที่ประชุมรัฐสภา ในวันพุธ ตลาดจะมีการปรับสถานะเนื่องจาก การประชุมด้านนโยบายของเดือนพฤษภาคม ของธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ และอาจจะต้องรอคอยสำหรับการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นมา

เงินปอนด์ได้เข้าสู่การปรับฐาน แต่สถานะในตอนนี้ก็ยังดูมีความมั่นคง เงินปอนด์ได้อยู่ในช่องทางด้านล่าง มาตั้งแต่เดือนมกราคม แต่ในสัปดาห์นี้ อาจจะมองหาช่องทางการปรับตัวขึ้นไปเหนือกว่า 1.4140

น้ำมันและเงินรูเบิล

น้ำมันยังอยู่ในระยะที่เกิดการขายอย่างมากมาย แต่ยังไม่มีการปรับตัวลงมาต่ำกว่า 60เหรียญต่อปอนด์ ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมหลายในให้ติดตามสถานการณ์การณ์เชิงพื้นฐานของมูลค่าในปัจจุบัน แม้ว่าทางสหรัฐอเมริกาจะมีการรายงานข้อมูลด้านการเติบโตของการผลิตที่แข็งแรงออกมา มันก็ดูเป็นความน่าเชื่อถือตามธรรมชาติไปโดนปริยาย เนื่องจากไม่มีการเติบโตด้านการจ้างงานในภาคการทำเหมืองแร่ หลังจากที่มีความล้มเหลวเกิดขึ้นมาในวันที่ 17 ของปี 2014 โดยการจ้างงานได้ลดลงไปในระดับที่ปี 2007 และไม่มีวี่แววที่จะมีการฟื้นตัวเกิดขึ้นมา ส่วนน้ำมันก็ยังมีโอกาสที่จะมีการเติบโต ที่จะสนับสนุนต่อด้านสินค้า