จากการขาดข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญนั้น ตลาดก็ได้ถอยตัวลงมาจากระดับต่ำในเดือนกุมภาพันธ์ และกำลังพยายามที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งที่ได้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะการปรับฐานทางเทคนิค หรือการปรับตัวลงเชิงพื้นฐาน มันขึ้นอยู่กับคำตอบสู่คำถามนี้ที่ว่า กลยุทธ์ของการรับมือนั้นได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ดูเหมือนว่าอยู่ในทิศทางตรงกันข้าม

หากการปรับตัวลงนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเชิงเทคนิคแล้ว ปัจจัยพื้นฐานก็อาจจะแสดงการเติบโตที่มั่นคงและความแข็งแรง ซึ่งโดยรวมแล้ว อาจจะก่อให้เกิดการปรับตัวของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงได้ หากการปรับตัวลงนั้นเป็นเรื่องตามธรรมชาติแล้วละก็ ในอนาคตอันใกล้นี้ ก็อาจมีคลื่นใหม่ที่ใกล้จะเกิดขึ้นมาในตลาดที่ปรับตัวลง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับสินทรัพย์เพื่อความปลอดภัย

อย่างที่เห็นได้ชัดว่า นักลงทุนหลายคนมีแนวโน้มที่จะจับตามองดูออฟชั่นแรก ก็คือในตัวบ่งชี้ส่วนมาก เพราะว่าไม่มีเหตุผลที่จะไปกังวลต่อการปรับตวลงอีกครั้ง ในช่วงการอัปเดทในรอบไตรมาสที่จะถึงนั้น ธนาคารกลางแห่งฟิลาเดลเฟียได้นำเสนอตัวชี้วัดค่าเฉลี่ยใหม่ออกมา สำหรับตัวบ่งชี้ที่สำคัญจำนวนของในเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ที่ดูเหมือนว่าจะก่อตัวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน

การคาดการณ์ต่อการเติบโตของยอด GDP ได้ถูกปรับระดับขึ้นมาในไตรมาสแรก ซึ่งค่อนข้างอ่อนแออยู่ เนื่องจากอิทธิพลของปัจจัยในฤดูกาล มันมีการปรับตัวขึ้นมาจากร้อยละ 2.4 เป็นร้อยละ 3.0 (การคาดการณ์เดียวกันจาก ธนาคารกลางแห่งแอตลานต้า ที่เพิ่มขึ้นมามากกว่าร้อยละ -3.2) โดยการปรับตัวที่ฟื้นตัวขึ้นมาในรอบตลอดทั้งปี 2018 สำหรับอัตราการว่างงาน ที่ค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว ก็อาจจะพบได้ว่ามีการปรับตัวลงอีกตามการคาดการณ์ นอกจากนั้นอาจจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานแบบเต็มพิกัดตามมา และแน่นอนว่า การจ้างงานใหม่ ก็คืออัตราการรับเข้างาน มีการปรับตัวขึ้นมาเป็นครั้งแรกในรอบสามไตรมาส

หากคุณยังจำได้เกี่ยวกับ ผลการประชุมของทางเฟดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นก็อาจทราบเกี่ยวกับแนวโน้มแบบเหยี่ยวที่อาจจะเกิดขึ้นได้ นอกจากนั้นแล้วทางเฟดยังใช้กลยุทธ์ เพื่อยืนยันว่าตลาดจะยังอยู่ในอตัราการเติบโตตามที่ประกาศอยู่ นั้นก็คือการปรับตัวขึ้นในปี 2018 ถึง3ครั้ง และอีกสองครั้งในปีหน้า ที่จะปรับระยะเป้าหมายไปในระยะยาวที่ร้อยละ 2.75 โดยในระดับนี้ของทางเฟดได้รับการพิจารณาตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ส่วนธนาคารกลางแห่งฟิลาเดลเฟียเองก็มองว่า อัตราเงินเฟ้อได้สูงขึ้นมากกว่าไตรมาสก่อนหน้านี้ และในช่วงทา้ยปี อัตราอาจจะอยู่ในระดับที่ร้อยละ 2.2 และไม่ใช่ร้อยละ 2.1 ตามที่คาดการณ์ไว้ในช่วงก่อนหน้านี้

การคาดการณ์ต่อเงินเฟ้อ ตามไดนามิกของอัตรา Tips ในพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นมาในระดับสูงวันศุกร์ในรอบสี่ปีกว่า

ในส่วนอื่นๆจะพบว่า มันอาจจะหมายความว่าการคาดการณ์จากข้อมูลทางเศรษกิจมหภาพในสัปดาห์ถัดไปจะอยู่ในช่วงบวก

ข้อมูลอาจจะไม่มีอะไรโดดเด่นออกมา ในวันอังคาร ข้อมูลของเดือนมกราคมจะมีการนำเสนอออกมาเกี่ยวกับ คำสั่งซื้อสินค้าคงทน ที่มองได้ว่าเป็นทั้งการผลิตทางอุตสาหกรรมและอุปสงค์ของผู้บริโภคแบบพร้อมกัน ในวันพุธ จะมีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับยอด GDP ในไตรมาสที่สี่ของปี 2017 และดัชนีของค่าใช้จ่ายในการบริโภคส่วนบุคคลในวันพฤหัสบดี ในรายงานของค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล และรายรับในเดือนมกราคม อย่างที่เห็นได้ชัดว่า ส่งผลถึงความมั่นใจที่ดีขึ้นมา รวมทั้งการคาดการณ์ในเชิงบวก ที่จะแสดงให้เห็นถึง การเติบโตในเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา

ดังนั้นแล้ว ภาพรวมจะค่อนข้าง เป็นที่น่าพอใจ และความเห็นต่อการเข้าดำรงตำแหน่งครั้งแรกของประธานคนใหม่ของ ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา คุณ Powell ในสภาคองเกรส ที่จะเกิดขึ้นในวันอังคารที่ 27 เดือนกุมภาพันธ์ ที่อาจจะก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดได้ โดยคุณ Powell สามารถทำการประกาศอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงในนโยบายของเฟด ที่อาจจะยิ่งสร้างกำลังให้มากกว่าแผนการของคุณ Janet Yellen

เงินดอลลาร์อาจจะมีความมั่นใจมากขึ้น โดยไม่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติของเศรษฐกิจมหภาพต่อการลดระดับลงไป นาย Trump ก็ได้เดินหน้าตามความเชื่อของเขาราวกับนักธุรกิจเกี่ยวกับ นโยบายการกีดกันทางการค้า เพื่อที่จะปรับยอดการค้า กาตัดสินใจกำลังอยู่ในช่วงการพิจารณาจนกว่าจะถึงช่วงกลางเดือนเมษายน โดยความพยายามที่จะปรับยอดการค้าด้วยวิธีนี้อาจจะไม่สำเร็จลุล่วง เพราะว่า การขาดดุลในยอดการค้าทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงระดับ การบริโภคที่เกิดออกมาจากระดับของการผลิต แต่ไม่มีใครได้ออกมานำเสนอแผนการในการระงับการบริโภค ในทางกลับกัน ความพยายามในการปรับยอดการค้าที่จะเกิดขึ้นมาพร้อมๆกับ การสนับสนุนต่อการเติบโตด้านการบริโภค ซึ่งมันอาจจะขยับตัวมากไปกว่าการเติบโตด้านการผลิต และการลดลงในอัตราการแลกเปลี่ยนด้วยเงินดอลลาร์ต่อการค้า

การใช้มาตรการตามแผนการนี้ รวมทั้งการปฏิรูปภาษี ที่จะไม่สร้างผลเชิงบวกออกมา หากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมา ดังนั้นแล้ว แรงกดดันต่อหุ้นส่วนทางการค้าหลักอาจจะเพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะในประเทศจีนและยุโรป

ดังนั้นแล้ว เป็นที่เห็นได้ชัดว่า การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในระยะสั้นนั้นพบว่า ดัชนีเงินดอลลาร์ในสัปดาห์หน้า จะมีการเทรดในระยะที่ใกล้เคียงกับแนวโน้มขาลง