SoftBank Group Corp. ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของประเทศญี่ปุ่น ได้แสดงผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมในส่วนของผลกำไรประจำไตรมาส อย่างไรก็ตามความสำเร็จทางเศรษฐกิจอาจเปลี่ยนแปลงไปได้ตามกาลเวลา และสถานการณ์ล่าสุดจากทาง SoftBank ยืนยันสิ่งนี้ ผลขาดทุนจากการดำเนินงานของบริษัทด้านการเงินมีมูลค่าอยู่ที่ 6.5 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสของเดือนกรกฎาคม - กันยายนปีนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า บริษัทได้ประสบกับการขาดทุนเป็นรายไตรมาสนับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี การขาดทุนนี้เกิดมาจากการลงทุนที่ไม่ประสบความสำเร็จในการเริ่มต้นในธุรกิจสตาร์ทอัพที่ทำงานร่วมกันอย่าง WeWork และการบริการขับขี่อย่าง Uber นอกจากนั้น Vision Fund ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SoftBank ก็มีส่วนแบ่งโดยรวมต่อการขาดทุนจากการดำเนินงานของบริษัท เป็นรายได้ที่หายไปเป็น 8.9 พันล้านดอลลาร์ อ้างอิงจากนักวิเคราะห์ของ SoftBank ที่ได้ระบุว่า มูลค่ารวมของพอร์ตการลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุนนั้นมีมูลค่าถึง 77.6 พันล้านดอลลาร์ นับว่าเป็น 9.8% ที่มากกว่าในช่วงแรกของการลงทุน นอกจากนี้ SoftBank รายงานว่า ไม่สามารถทำเงินมาถึง 4.9 พันล้านดอลลาร์ได้ ซึ่งทางบริษัทได้คาดการณ์ไว้ว่า จะทำให้ได้จากโครงการลงทุนบางส่วน อย่างเช่น WeWork และ Uber ในเดือนที่แล้วทางด้าน SoftBank ตกลงที่จะควบคุมสัดส่วนการถือหุ้นใน WeWork โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนมกราคมปีนี้ บริษัทที่ได้ทำงานร่วมกันมีมูลค่าเป็น 47 พันล้านเหรียญ อย่างไรก็ตามมูลค่าของ บริษัทในตอนี้ ได้ลดลงไปเหลืออยู่ที่ 8 พันล้านดอลลาร์ ทางด้าน Uber ยังประสบปัญหาทางการเงิน ที่ได้รายงานให้ทราบถึงการขาดทุนในรายไตรมาสที่ติดเป็น 1.16 พันล้านดอลลาร์ในวันที่ 4 เดือนพฤศจิกายน โดยกล่าวได้ว่าเป็นผลประกอบการประจำไตรมาสที่น้อยที่สุดเป็นครั้งที่สามของ Uber ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผลประกอบการทางการเงินที่อ่อนแอของทาง SoftBank ส่วนใหญ่มีส่วนเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายอันมหาศาลของธนาคาร สิ่งนี้จึงได้สร้างสงสัยในประสิทธิภาพของการบริหารของบริษัท คุณ Masayoshi Son ผู้ก่อตั้ง SoftBank ยอมรับว่าเขาได้ตัดสินใจเกี่ยวกับด้านการลงทุนได้ไม่ดี นอกจากนั้นบริษัทสตาร์ทอัพจำนวนมากที่ก่อนหน้านี้ได้รับเงินจาก Vision Fund เองก็ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก