ซาอุดิอาระเบียสามารถฉลองชัยชนะเหนือคู่แข่งรัสเซียในสงครามราคาน้ำมันได้ ด้วยนโยบายการตลาดอันชาญฉลาด กรุงริยาดได้ทำสัญญาระยะยาวกับผู้ซื้อรายใหญ่รายใหม่ ในขณะที่ซาอุดิอาระเบียได้ปรับลดนโยบายเชิงรุกจากการปรับลดราคาลดลง ในเดือนมีนาคม Saudi Aramco บริหารงานโดยภาครัฐได้เสนอส่วนลดอย่างมากให้กับผู้ซื้อจากยุโรปและเอเชีย ดังนั้นจึงเป็นการเอาใจผู้ซื้อน้ำมันเกรดรัสเซีย ไม่น่าแปลกใจที่รัสเซียสูญเสียลูกค้าเดิมหลายราย สิ่งที่น่าสนใจคือซาอุดิอาระเบียปรับลดราคาขาย แม้จะมีข้อตกลง OPEC+ ใหม่ในประวัติศาสตร์จากการลดการผลิตน้ำมันลง การตัดสินใจดังกล่าวเน้นย้ำให้เห็นความทะเยอทะยานของริยาดในการขึ้นครองตลาดน้ำมัน

รายการราคาที่นำเสนอมาโดย Saudi Aramco ในเดือนมิถุนายนนั้นดูไม่ค่อยดีเท่ากับสองเดือนก่อนหน้านี้ บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัฐ Aramco ปรับราคาขายออกไปสูงสุดไปในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้โอเปกที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย และรัสเซียได้ตกลงกันในเดือนเมษายนเพื่อลดการผลิตน้ำมันลงไป 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปี 2020 สิ่งที่น่าสังเกตคือทางราชอาณาจักรได้ให้คำมั่นที่จะลดการผลิตน้ำมันลงไป 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซาอุดิอาระเบียได้บรรลุข้อบังคับภายใต้สัญญา OPEC+ ด้วยวิธีนี้เองทางริยาดจึงยกตัวอย่างให้กับผู้เข้าร่วมพันธมิตรอีก 23 ประเทศและกล่างอีกว่าความพยายามทุกอย่างในการท้าทายความเป็นผู้นำของตนนั้นอาจต้องล้มเหลวได้ ผลของสงครามราคาน้ำมันเกิดขึ้นอย่างชัดเจนก่อนที่จะสิ้นสุด

ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ระหว่างที่ยังมีเหตุการณ์ตามนี้เกิดขึ้นในกลุ่มพันธมิตร ในที่สุดน้ำมันดิบเบรนท์ทะลุไปมากกว่า 43.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ว่าการปรับตัวดังกล่าวดูเหมือนว่าจะไม่ได้ทำให้เกิดคำถามในรอบสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ครั้งที่แล้วเกรดของน้ำทันเบรนท์กำลังซื้อขายอยู่ในระดับนั้นเมื่อสามเดือนก่อน จนกระทั่งรัสเซียปฏิเสธข้อเสนอเพื่อขยายการลดการผลิต และถอนตัวออกจากข้อตกลง OPEC+ ทันที