ตุรกีกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยที่ยืดเยื้อ มันยิ่งทำให้หลายอย่างเลวร้ายลง กระเป๋าเงินของประเทศขาดเงินสดดอลลาร์อย่างมาก ปัญหาทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายเช่นนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจ ตุรกีมีส่วนร่วมในโครงการทางทหารที่น่าสงสัยหลายอย่าง และความขัดแย้งในท้องถิ่นกับประเทศเพื่อนบ้าน การแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของ COVID-19 เกิดขึ้นมาเป็นสองเท่า งบประมาณของประเทศขาดรายได้มหาศาลจากธุรกิจการท่องเที่ยว นอกจากนี้รายรับจากการส่งออกได้หดตัวอย่างติดต่อกันมาหลายเดือน บริษัทก๊าซของตุรกีเป็นหนี้รัสเซียเป็นมูลค่าถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2019 แต่สุดท้ายแล้วผู้ที่กลายเป็นประเด็นอย่าง Recep Tayyip Erdoğan ได้แต่งตั้งเพื่อน และญาติของเขาให้ขึ้นมาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง

มันจึงเป็นผลทำให้การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของตุรกีเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไปถึง 5.06 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่องว่างบัญชีเดินสะพัดที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี2018 มันกำลังเกิดขึ้นจากพื้นหลังของการเสื่อมราคาที่สูงชันของเงินลีร่าตุรกี ในขณะเดียวกันการถือครองเงินสดจากต่างประเทศกำลังลดลงไป ขณะที่หนี้สินสาธารณะกำลังขยายตัวไปในทุกเดือน

ไม่น่าแปลกใจที่นักลงทุนต่างชาติสูญเสียความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของตุรกี ในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในเงินทุน นักลงทุนได้ขายหุ้นภายในประเทศเป็นมูลค่า 847 ล้านดอลลาร์ และตราสารหนี้เท่ากับ 1.01 พันล้านดอลลาร์ จากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดขนาดใหญ่เช่นนี้ ทางประธานาธิบดี Erdogan ปฏิเสธความคิดทุกอย่างที่จะไปปรับใช้กับเงินกู้ต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ สิ่งที่เป็นคือสถาบันสินเชื่อระหว่างประเทศที่มีอำนาจได้อนุมัติถึงการจ่ายเงินสนับสนุน ให้กับระบอบเผด็จการภายใต้เงื่อนไขของการปฏิรูปโครงสร้าง ธนาคารกลางแห่งสหรัฐไม่ต้องการให้สินเชื่อกับตุรกี โดยอ้างถึงการพึ่งพาทางการเมืองของธนาคารกลาง ก่อนหน้านี้ นาย Recep Tayyip Erdoğan ออกไปขอยืมจากญี่ปุ่นและอังกฤษ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ มีเพียง กาตาร์ ที่เป็นพันธมิตรของตุรกีที่ได้ช่วยทางกรุงอังการาปรับปรุงสภาพคล่อง และเติมเงินเข้าไปยังกองทำสำรองฟอเร็กซ์ที่หมดลงด้วยเงินถึง 15 พันล้านดอลลาร์ผ่านข้อตกลงแลกเปลี่ยนสกุลเงิน โดยสรุปแล้วว่าเศรษฐกิจของตุรกีกำลังใกล้เข้ามาถึงจุดต่ำสุดแล้ว