ทุกวันนี้ประเทศที่เศรษฐกิจพึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างมาก ก่อนอื่นประเทศที่พัฒนาพยายามทำให้พลังงานเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และจากนั้นก็ทำให้พวกเขาเกิดความสนใจแหล่งพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ดังนั้นแล้วรัสเซียในฐานะประเทศที่มีปริมาณก๊าซสำรองมากที่สุดอาจไม่สามารถหาผู้ซื้อได้ในไม่ช้านี้ การต่อสู้ระหว่างรัสเซียและสหรัฐอเมริกา ในการเข้าถึงตลาดสหภาพยุโรปอาจไม่เกี่ยวข้องกัน เนื่องจากยุโรปกำลังดำเนินการตามยุทธศาสตร์ไฮโดรเจนระดับชาติ ถ้าหากผู้นำสหภาพยุโรปเห็นด้วยกับกลยุทธ์นี้ มันก็ไม่จำเป็นต้องใช้ก๊าซของรัสเซียอีกต่อไป นอกจากนั้นการเปลี่ยนมาใช้ไฮโดรเจนจะทำให้ยุโรปกลายมาเป็นผู้นำที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ในด้านนี้

เพื่อให้แนวคิดนี้เป็นจริงขึ้นมาได้นั้น สหภาพยุโรปจึงได้จัดตั้ง European Hydrogen Alliance (ENA) ที่ควรรวมอุตสาหกรรมไฮโดรเจนทั้งหมดไว้ด้วยกันในห่วงโซ่เดียว ตั้งแต่การผลิต และการจัดจำหน่ายไปจนถึงอุปสงค์และอุปทาน สหภาพยุโรปได้เลือกไฮโดรเจนเนื่องจากสามารถทดแทนน้ำมันและก๊าซในอุตสาหกรรมเหล็กและเคมีได้อย่างง่ายดาย และราคาถูก คุณ Giorgio Chatzimarkakis เลขาธิการของ Hydrogen Europe ชี้ให้เห็นว่าการช่วยเหลือที่สำคัญของพันธมิตร "เพื่อให้ยุโรปกลายเป็นตลาดระดับโลกสำหรับไฮโดรเจน แล้วให้เงินยูโรกลายเป็นสกุลเงินที่ผูกติดกับไฮโดรเจน" นอกจากนี้พันธมิตรต้องการสร้างความเป็นผู้นำระดับโลกในวงการนี้ และเข้าถึงความเป็นกลางของคาร์บอนภายในปี 2050 ยุโรปลังเลที่จะร่วมมือกับรัสเซียมานานแล้ว มีความเบื่อหน่ายกับความกดดันจากสหรัฐอเมริกาที่เปลี่ยนจากดอลลาร์สหรัฐมาใช้ LNG นั้นคือเหตุผลที่ความคิดริเริ่มต่อไฮโดรเจนเป็นประตูสู่ยุโรปจากข้อตกลงต่างๆ กับรัสเซียหรือสหรัฐอเมริกา

เป็นเรื่องที่ควรพูดว่า Gazprom ของรัสเซียกำลังสำรวจวิธีการผลิตไฮโดรเจนที่ปลอดมลพิษ มันจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างก๊าซที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับยุโรปได้ ถึงกระนั้นแล้วมันก็เป็นไปได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป และรัสเซียก็ไม่น่าจะแข่งขันกับยุโรปได้ในสาขานี้ได้