ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือดจากอผู้ได้รับวัคซีนทั้งสองกรณีต่อจำนวนหนึ่งล้านคนที่เริ่มไม่วางใจต่อการฉัดวัคซีน AstraZeneca ในสหภาพยุโรป ในช่วงกลางเดือนมีนาคมหลายประเทศในยุโรปตัดสินใจหยุดการเปิดตัววัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตในสหราชอาณาจักรหลังจากมีรายงานถึงภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง รวมถึงการเสียชีวิตเท่ากับ 37 คนในสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปที่ประสบภาวะลิ่มเลือดอุดตันจาก 17 ล้านคนที่ได้รับการฉีดวัคซีน AstraZeneca AstraZeneca ให้ความเห็นเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวไว้ว่า “มันออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติในประชากรทั่วไป ที่มีขนาดเท่านี้และใกล้เคียงกับวัคซีน COVID-19 ที่ได้รับอนุญาตตัวอื่นๆ ” อย่างไรก็ตามทางการสหภาพยุโรปยังตื่นตระหนกแม้กระทั่งมีกรณีดังกล่าว มี 20 ประเทศที่ขอสั่งหยุดชั่วคราวเพื่อเป็นมาตรการป้องกันเพื่อเป็นการรอคำตัดสินของผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ ทาง European Medicines Agency ซึ่งกำลังประเมินความปลอดภัยของตัวยา โดยรายงานว่าการตรวจสอบผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ได้เปิดเผยความเชื่อมโยงทางตรงระหว่างการฉีดยา AstraZeneca และการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้องค์การอนามัยโลกยังยืนยันว่าไม่มีเหตุผลใดที่สำคัญในการยกเลิกวัคซีนชนิดนี้

“สำหรับวันนี้ยังไม่มีหลักฐานชี้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากวัคซีนและสิ่งสำคัญคือการรณรงค์การฉีดวัคซีนยังคงดำเนินต่อไปเพื่อที่เราจะสามารถช่วยชีวิตและป้องกันโรคร้ายจากไวรัสได้” คุณ Christian Lindmeier โฆษก WTO เปิดเผยจุดยืนอย่างเป็นทางการไว้ตามนี้

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกังวลมากขึ้นว่าบริษัทยาของอังกฤษไม่สามารถปฏิบัติตามภาระผูกพันในการผลิตและการส่งมอบวัคซีนเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัยนั้นเอง เพราะทาง AstraZeneca มีหน้าที่ต้องจัดหาวัคซีน 180 ล้านเข็มให้กับสหภาพยุโรปในไตรมาสที่ 2 ปี 2021 บริษัทไม่แน่นอนว่าจะสามารถดำเนินการบรรลุข้อผูกพันนี้ได้หรือไม่ ก่อนหน้านี้ได้แก้ไขสัญญากับทางการสหภาพยุโรปสำหรับการส่งมอบ 100 ล้านเข็มในไตรมาสที่ 1 ปี 2021 ปริมาณการจัดส่งลดลงเหลือ 40 ล้านโดส

สิ่งที่น่าสนใจคือหุ้นของ AstraZeneca ได้รับการคุ้มกันจากข่าวนี้ ขณะเดียวกันพวกเขากำลังซื้อขายกันอย่างมีการเคลื่อนไหวที่ไม่ชัดเจนเมื่อเทียบกับหุ้นของผู้ผลิตวัคซีนรายอื่นๆ บางทีนักลงทุนในตลาดอาจตั้งราคาด้วยความหวาดกลัวเกี่ยวกับปัญหาเกี่ยวกับวัคซีน AstraZeneca