การล็อกดาวน์ที่เกิดจากการระบาดครั้งใหญ่บีบให้ผู้บริโภคจำกัดจำนวนการซื้อและลดการใช้จ่ายลงอย่างมาก มันเป็นผลให้พลเมืองของสหภาพยุโรปและบริเตนใหญ่สะสมเงินออมส่วนเกินกว่า 7 แสนล้านยูโร

นอกจากนี้หน่วยงานท้องถิ่นยังคงให้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อครัวเรือนต่อไป มาตรการสนับสนุนของรัฐบาลที่ไม่เคยมีมาก่อนและค่าแรงที่สูงส่งผลให้ผู้บริโภคประหยัดเงินไปอย่างมหาศาล ไม่เพียงแต่ในยุโรปเท่านั้นแต่ยังรวมถึงในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย การวิเคราะห์ของ Moody's ได้ระบุว่าชาวอเมริกันสะสมเงินไว้ประมาณ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ โดยส่งผลให้เงินออมส่วนบุคคลของสหรัฐพุ่งทะลุระดับก่อนที่มีการเกิดโรคระบาด

ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทด้านการลงทุน BlackRock กล่าวว่า คาดว่าจะมีการผ่อนคลายข้อจำกัดทั่วโลกอย่างค่อยเป็นค่อยไป มันจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถกลับไปมีนิสัยการจับจ่ายใช้สอยตามเดิมได้ ในขณะที่เศรษฐกิจของยุโรปกลับมาเปิดอีกครั้ง ผู้คนเริ่มใช้เงินที่สะสมในบัญชีของตนอย่างจริงจังแล้ว พวกเขาแนะนำการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในการใช้จ่ายด้านอาหาร,การดื่ม,การเดินทางและการพักผ่อนในอนาคตอันใกล้

ทาง BlackRockกล่าว “เราเรียกสิ่งนี้ว่า 'การใช้จ่ายแบบแก้แค้น' ผู้คนต่างตื่นเต้นที่จะได้กลับไปดื่มด่ำกับอิสรภาพ ดังนั้นจงใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าในโอกาสทางสังคมและในสิ่งของตามความต้องการ”

ยุโรปกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาการขาดแคลนพนักงานในอุตสาหกรรมการบริการและการจัดเลี้ยง เจ้าของร้านอาหารในเบอร์ลินมีความกังวลในการขาดบุคลากร ในสหราชอาณาจักรธุรกิจต่างๆกำลังประสบปัญหาร้ายแรงเนื่องจากการอพยพออกของผู้อพยพ