ก
การ Scalping
Scalping เป็นวิธีการเทรดที่แตกต่างเพราะถูกออกแบบมาทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเพียงเล็กน้อย มันสามารถใช้งานได้ในทุกตลาดแต่ได้ผลมากเป็นพิเศษในฟอเร็กซ์เนื่องจากเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องและไดนามิกที่สูง
Scalping เป็นกลยุทธ์การเทรดที่ประกอบไปด้วยธุรกรรม (มีความถี่) หลายครั้งที่มีเป้าหมายในการทำผลกำไรเพียงเล็กน้อยแต่เป็นจำนวนมาก มันอยู่ในระยะแนวโน้มเดิมเมื่อการทำกำไรครั้งแรกมาจากการการแปรผันของแนวโน้มที่นังไม่เปลี่ยนสัญญาณใดๆแต่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตเวลาที่สั้นตามที่หลายคนเชื่อ กรณีของขอบเขตเวลานั้น มันจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่เทรดเดอร์จะพิจารณาในระยะเดิม อย่างไรก็ตามการเทรดในแนวเดิมไม่ได้ขึ้นอยู่กับความผันผวน (ไดนามิก) เพราะมันกำหนดขึ้นจากความต้องการของผู้เข้าร่วมตลาดเฉพาะ ดังนั้นคุณสามารถตักผลกำไรได้ภายใน 3-5วินาที หรือ 3-5วินาที หรือภายในระยะเวลาที่นานกว่านั้น
การเทรดในรอบวัน
การเทรดในรอบวันเป็นกลยุทธ์ตลาดอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากความล้ำหน้าของเทคโนโลโลยีเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ โดยมันเกี่ยวข้องกับการเก็งกำไรราคาตลาดในช่วงความผันผวนระยะสั้นๆ มีการเปิดและปิดสถานะอยู่โดยตลอดเวลา บางทีก็เกิดขึ้นในช่วงหลายนาที ตามกฎแล้วโบรกเกอร์ไม่ได้รับอนุญาตให้ช่วยเหลือลูกค้าให้ทำการเทรดประเภทนี้จากสถานะที่เกิดการขาดทุนในวันถัดไป
การเทรดแบบ Pipsing
แนวทางการเทรดนี้มักใช้งานเพื่อทำผลกำไรจากการแปรผันสกุลเงินในรอบระหว่างวัน เทรดเดอร์บางรายเปิดดีลมากกว่า 200 ดีลต่อวันขณะที่ยังใช้สถานะการเปิดไปอีกหลายนาที แน่นอนว่าผลกำไรจากแต่ละสถานะค่อนข้างน้อยแต่โดยรวมแล้วมันอาจกลายเป็นจำนวนมากได้
แนวคิดของ pipsing คือการทำเงินในการเคลื่อนไหวระหว่างวัน โดยเฉลี่ยแล้วหลายสกุลเงินเคลื่อนตัวไปราวๆ 50-60จุดในช่วงรอบวันหากพวกเราใช้ราคาเปิดและราคาปิดประจำวัน อย่างไรก็ตามอัตราของสกุลเงินไม่ได้ปรับตัวขึ้นหรือลงเสมอไปภายในรอบวันแต่อาจสร้างความผันผวนเพียงเล็กน้อย แล้วอะไรที่ทำให้จำนวนบิ๊ปทั้งหมดมาก สำหรับฝ่าย Pipser กำลังพยายามที่จะจับให้ทันตามการแปรผันเป็นพิเศษ
แนวทางของมันสามารถเทียบเท่าได้กับการหมุนรูเล็ต ซึ่งมีวิธีการเล่นคล้ายกัน มีโอกาสที่คล้ายกันแม้ว่าความเป็นไปได้ของการเสียในฟอเร็กซ์จากการใช้แนวทางนี้จะสูงขึ้นสองเท่าก็ตาม
ขั้นตอนนี้อาจไม่ประสบผลสำเร็จได้เนื่องด้วยหลายเหตุผล
1.การพยายามที่จะไม่พลาดการเคลื่อนไหวของอัตราแม้เพียงเล็กน้อย ทางด้าน pipser กำหนดตำแหน่งการหยุดก่อนขาดทุนใกล้กับราคาตลาดปัจจุบัน
ตำแหน่งการหยุดที่มุ่งหน้าไปหาอัตราราคายิ่งเพิ่มโอกาสของการขาดทุนมากขึ้นจากส่วนต่างในตลาดหากกำลังของตลาดกระทิงและตลาดหมีไม่สามารถประเมินได้ แม้ว่าทิศทางแนวโน้มได้ถูกกำหนดมาถูกต้องแล้วก็ตาม มันง่ายกว่าที่จะสร้างความผิดพลาดเมื่อกำหนดทิศทางราคาไปอีกหนึ่งชั่วโมงถัดไปเพื่อกำหนดทิศทางตลอดทั้งวัน
วิธีการที่ง่ายที่สุดในการหลุดพ้นจากการใช้งานคำสั่งการหยุดก่อนขาดทุนที่มีความเสี่ยงต่อการขาดทุนคือการไม่กำหนดคำสั่งเช่นนั้นเลย แต่กรณีที่คุณเสี่ยงที่จะเสียมันไปมากกว่าเงินหากมีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างมากต่อคุณ มันเกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนตัวต่อไปจึงไม่อาจจะย้อนตัวไปยังระดับก่อนหน้าได้ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าหรือชั่วโมง เมื่อยังคงเก็บเงินคงเหลืออย่างมากไว้เพื่อเป็นมาร์จิ้นโดยไม่กำหนดระดับการหยุดก่อนขาดทุน ความเสี่ยงจะสูงในการมีมาร์จิ้นคอลอย่างการเสียเงินคงเหลือทั้งหมด
2.การเทรดด้วยเงินจริงจะทำให้เกิดความเครียด ตามกฎแล้วกลยุทธ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่ควรใช้งานในบัญชีเดโม่เนื่องจากไม่มีเงินจริงเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะสูญเสียและมีการกำหนดคำสั่งไปอย่างอัตโนมัติอย่าง คำสั่งแบบดำเนินการทันที
ดังนั้นมีอยู่หลายปัจจัยอย่างความเร็วของการดำเนินการของคำสั่งและความเครียดที่แย่ลงตามแต่ละบิ๊ปที่ราคาเคลื่อนตัวไปยังทิศทางตรงกันข้าม กลยุทธ์แบบ pipsing แสดงถึงการเข้ามาอยู่ในตลาดเป็นประจำนั้นจึงทำให้เกิดความเครียด มันอาจทำให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ
พวกเราควรระบุถึงความจริงที่ว่าโบรกเกอร์ก็ไม่เห็นด้วยกับการที่ลูกค้าขอทำธุรกรรมที่มีจำนวนมากเช่นนั้น มันจะมีข้อกำหนดต่อปริมาณคำขอต่อแต่ละช่วงระยะเวลาอยู่บางส่วนดังนั้นเทรดเดอร์ที่ต้องการเดินเกมรุกที่ขอให้มีการใช้คำสั่งทุกวินาทีอาจถูกขอให้ปิดบัญชี
ผลดีที่อาจเกิดขึ้นในกรณีของ scalping มีความคล้ายกับ pipsing แต่เป้าหมายค่อนข้างมีหลายบิ๊ปต่อการเทรด
นี้เป็นแนวทางของกลยุทธ์ scalping
-- การเทรดเป็นประจำในหลายคู่สกุลเงินและพยายามตรวจสอบการเคลื่อนไหวของทั้งกลุ่ม 90% ของระบบนี้มาจากการเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มของสกุลเงินเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างไรก็ตามมีระบบที่ตามเงินยูโรและเงินปอนด์
-เทรดเดอร์เลือกคู่สกุลเงินที่มีการเคลื่อนไหวและอีกคู่ที่ค่อนข้างนิ่งกว่า มาดูกันว่าคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐถูกเลือกมาเป็นสัญญาณของคู่สกุลเงินและคู่สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากเป็นคู่สกุลเงินเพื่อการเทรด (มันควรเคลื่อนตัวช้ากว่าเงินยูโร)
-อาจใช้กราฟ M1 หรือกราฟ tick ถูกเลือกมาเพื่อการเทรด
-การเปลี่ยนแปลงส่วนมากเกิดขึ้นตามคำสั่ง
แนวคิดที่อธิบายไว้ด้านบนมีการหารือกันอย่างกว้างขวางในหลากหลายฟอรั่ม แนวทางนี้จำเป็นต้องมีไหวพริบและปฏิกริยาที่ดี
การทำผลกำไร
การทำผลกำไรคือการปิดสถานะรวมถึงราคาในตราสารการเงินเริ่มต้นเคลื่อนตัวไปยังทิศทางที่ต้องการ คำสั่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับสถานะที่เปิดไว้โดยเฉพาะหรือเป็นคำสั่งที่รอการดำเนินการ
การเปิดตลาด
การเปิดตลาดคือเวลาที่ตลาดเปิดทำการซื้อขายหลังวันหยุดสุดสัปดาห์, วันหยุดตามเทศกาลหรือหลังช่วงเวลาระหว่างช่วงการซื้อขาย
การเทรดแบบ Spike
การเทรดแบบ Spike ไปดูที่มูลค่าซื้อขายนอกตลาด
การป้องกันความเสี่ยง
การป้องกันความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการปกป้องเงินทุนของลูกค้าจากความผันผวนของราคาที่ไม่เอื้ออำนวยด้วยการเปิดสถานะในตลาดตรงกันข้ามหรือในฝั่งตรงข้าม
การป้องกันความเสี่ยงคือการรับประกันการป้องกันจากความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นเมื่อถึงเวลาชำระเงินตามตกลง เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมให้สูงขึ้น เพื่อลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าจริง เพื่อลดความเสี่ยงของการขาดทุนเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะหักล้างกับกำไรจากฟิวเจอร์ส
ตามกฎแล้วการสูญเสียจะถูกจำกัดเมื่อถึงจุด stop loss หรือเมื่อราคากลับตัวและไปในทิศทางที่ถูกต้อง สถานการณ์เหล่านี้เป็นที่รู้จักกันดีดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาจับตาดูอย่างใกล้ชิดในตอนนี้ ประเด็นคือเทรดเดอร์ที่ไม่ได้ใช้การจัดการเงินไปทำเงิน มากกว่าที่พวกเขาสามารถรับได้ในขณะที่ผู้ที่ไม่ได้ใช้การบริหารความเสี่ยงมักจะเดินไปข้างหน้าแต่ไม่เคยทำการป้องกัน
การป้องกันความเสี่ยงในฟอเร็กซ์เป็นองค์ประกอบสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงและการรับประกันผลกำไร นี่คือตัวอย่างง่ายๆ คุณได้เปิดสถานะขายในคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR / USD) ตามสัญญาณจากตัวบ่งชี้ MACD จากนั้นคุณมีกำไรสามครั้งติดต่อกัน แต่ราคาก็ขยับขึ้นทันทีและการขาดทุนของคุณก็เพิ่มขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง นี่คือจุดที่ต้องใช้การป้องกันความเสี่ยง ดังนั้นแล้วจะทำอย่างไรให้ถูกต้อง? การใช้คณิตศาสตร์และการวิเคราะห์จะช่วยเราได้ส่วนหนึ่ง
การล็อกตำแหน่งยังเป็นเครื่องมือยอดนิยมซึ่งไม่ได้ส่งผลดีมากนัก และยังเกิดมาจากการเข้าใจผิดด้วยตนเองอีกด้วย นอกจากนั้นมันมักจะมาพร้อมกับสวอปติดลบ เนื่องจากสวอปติดบวกในคู่สกุลเงินนั้นน้อยกว่าสวอปติดลบ อันเป็นผลให้การดำเนินการเช่นนี้แทบจะไม่แตกต่างจากการกลับตำแหน่งโดยพิจารณาจากความต่อเนื่องของการเคลื่อนตัว จากนั้นจึงกลับไปที่จุดของสถานะแรกโดยสมบูรณ์
ดังนั้นสาเหตุของการขาดทุนต่างๆก็คือการเคลื่อนไหวของสกุลเงินที่ไม่เป็นไปตามคาดคิด (หมายถึงตลาดสกุลเงิน) ควรทราบว่านั้นคือสกุลเงิน ไม่เกี่ยวกับคู่สกุลเงิน! ถ้าคุณเห็นว่าสาเหตุของการขาดทุนในสถานะขายในคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR / USD) นั้นอยู่ที่ค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลง ยังสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ด้วยการโอนสินทรัพย์ไปยังคู่สกุลเงินอื่นโดยไม่ต้องใช้ดอลลาร์สหรัฐ ในการทำเช่นนี้ จำเป็นต้องกำหนดสิ่งต่อไปนี้:
1) ค้นหาคู่หรือคู่เงินอื่นๆที่มีความสัมพันธ์กับคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR / USD)
2) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตราสารมีความผันผวนมากกว่าตราสารส่วนแรก เพื่อทำให้กำไรเกินกว่าการขาดทุน
3) เปิดตำแหน่งตรงข้ามในเงินดอลลาร์สหรัฐ สิ่งสำคัญคือควรเปิดตำแหน่งในสัดส่วนที่เท่ากัน
เรื่องสำคัญคือเนื่องจากล็อตของคู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR / USD) ไม่เท่ากับล็อตของคู่สกุลเงินปอนด์และดอลลาร์สหรัฐ (GBP / USD) ส่วนต่างอยู่ที่ราคาต่อ pip (เช่นคู่สกุลเงิน USD / JPY) และความผันผวนของคู่เงิน ควรอนุญาตให้ใช้ปัจจัยเหล่านี้เพื่อที่จะเปลี่ยนตำแหน่งไปยังคู่เงินอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่อย่างนั้นแล้วความคลาดเคลื่อนอาจส่งผลร้ายแรง ยอดดุลแรกเริ่มมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับเรา จากนั้นผลกำไรที่มากขึ้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขาดทุน เป้าหมายต่อไปคือการใช้งานผลของการแกว่งได้เต็มที่หลังจากการปรับตัวสิ้นสุดลง ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียในคู่เงิน EUR/USD และสร้างผลกำไรจากคู่เงิน GBP / USD การเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งตามมาด้วยช่วงการรวมกำลังและในช่วงเวลาหนึ่ง การสูญเสียในคู่สกุลเงินแรกจะลดลง ในส่วนนี้คุณมีโอกาสที่ดีในการออกจากตำแหน่งพร้อมผลกำไร ค่าสวอปติดบวกทั้งหมดจะให้การสนับสนุนเพิ่มเติมแก่คุณ ในความเป็นจริงเมื่อใช้วิธีนี้ คุณสามารถโอนสินทรัพย์ที่ใช้ลงทุนไปยังคู่สกุลเงิน EUR/GDP ได้ เราขอนำเสนอตัวอย่างง่ายๆให้ทราบกัน อย่างไรก็ตามสามารถใช้การองค์ประกอบต่างๆที่ซับซ้อนมากขึ้นกับคู่สกุลเงินเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ผลที่ดีขึ้น
ในการกำหนดระดับความสัมพันธ์ โดยปกติจะใช้อัลกอริทึมตามสูตรของสหสัมพันธ์เชิงเส้นซึ่งแนบมาพร้อมกับตัวบ่งชี้ MT4 นอกจากนี้ควรสังเกตด้วยว่าวิธีการป้องกันความเสี่ยงมีค่อนข้างหลากหลาย ดังนั้นตัวอย่างที่ให้นี้ยังสามารถใช้คู่สกุลเงินที่ไม่มีสกุลเงินทั่วไปได้ อย่างไรก็ตามในกรณีนี้เองส่วนต่างของกำไร/ขาดทุนอาจสูงขึ้น กุญแจในการป้องกันความเสี่ยงคือการบรรลุความสมดุลที่ต้องการโดยการกระจายเงินของคุณ
ประเภทของการป้องกันความเสี่ยง:
การป้องกันความเสี่ยงแบบคลาสสิก
การป้องกันความเสี่ยงแบบคลาสสิกหมายถึงการถือครองตำแหน่งที่ตรงข้ามในตลาด วิธีการป้องกันความเสี่ยงแบบนี้ถูกใช้งานโดยคนกลางของยผลิตภัณฑ์ฟาร์มในชิคาโกสหรัฐอเมริกา
การป้องกันความเสี่ยงแบบทั้งหมดและบางส่วน
การป้องกันความเสี่ยงแบบทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการป้องกันต่อความเสี่ยงสำหรับผลรวมทั้งหมดของธุรกรรม การป้องกันความเสี่ยงประเภทนี้ช่วยขจัดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านราคาได้อย่างสมบูรณ์ การป้องกันความเสี่ยงแบบบางส่วนเป็นการประกันเฉพาะบางส่วนของธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริง
การป้องกันความเสี่ยงที่คาดว่าจะได้รับ
การป้องกันความเสี่ยงที่คาดว่าจะได้รับเกี่ยวข้องกับการซื้อหรือการขายที่ดีก่อนที่จะมีการทำข้อตกลงร่วมกันในตลาดจริง ในช่วงเวลาระหว่างการสรุปข้อตกลงในตลาดฟิวเจอร์สและข้อสรุปของข้อตกลงในตลาดจริงสัญญาฟิวเจอร์สทำหน้าที่แทนสัญญาจริงสำหรับการจัดหาสินค้า นอกจากนี้ยังสามารถใช้การป้องกันความเสี่ยงที่คาดว่าจะได้รับผ่านการซื้อหรือขายสินค้าแบบเร่งด่วนและการดำเนินการภายหลังผ่านทางตลาดหลักทรัพย์ การป้องกันความเสี่ยงประเภทนี้พบมากที่สุดในตลาดหุ้น
การป้องกันความเสี่ยงแบบเจาะจง
ในการป้องกันความเสี่ยงแบบเฉพาะเจาะจง ข้อตกลงในตลาดฟิวเจอร์สและตลาดสปอตจะแตกต่างกันไปตามปริมาณและเวลาในการดำเนินการคำสั่งซื้อ
การป้องกันความเสี่ยงไขว้
การป้องกันความเสี่ยงแบบไขว้มีลักษณะเฉพาะคือเป็นการดำเนินการในตลาดฟิวเจอร์สที่เกี่ยวข้องกับสัญญา ที่ไม่ได้อยู่ในสินทรัพย์อ้างอิงในตลาดจริง แต่เป็นเครื่องมือทางการเงินส่วนอื่น ตัวอย่างเช่นในตลาดจริงมีการดำเนินการกับหุ้น ขณะที่ตลาดฟิวเจอร์สซื้อขายล่วงหน้าโดยใช้ดัชนีหุ้น
ข
ข้อความสแปม
สแปมเป็นการโฆษนาชวนเชื้อที่ส่งมาช่องทางอีเมลอย่างมาก เพราะช่องทางการส่งอีเมลนั้นไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ดังนั้นผู้ทำสื่อโฆษณากลุ่มนี้จึงมีโอกาสในการส่งข้อความไปให้กับอีกหลายคนทางอีเมลอย่างไม่เป็นธรรม ตามปกติแล้วอีเมลที่มีเนื้อหโฆษณาเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่น่าพึงประสงค์ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมเช่นนี้จะถือว่าเป็นสเปมเมอร์
ข้อกำหนดสัญญา
ข้อกำหนดของสัญญาคือเงื่อนไขการซื้อขายพื้นฐาน เช่นสเปรด,ขนาดล็อต,จำนวนเงินที่โอนขั้นต่ำ, การเปลี่ยนแปลงขั้นต่ำที่เป็นไปได้ในปริมาณการซื้อขาย, มาร์จิ้นเริ่มต้น, มาร์จิ้นสำหรับการล็อกตำแหน่งและอื่นๆ สำหรับตราสารแต่ละประเภท
ข้อผิดพลาดที่ชัดเจน
ข้อผิดพลาดที่ชัดเกิดขึ้นเมื่อดีลเลอร์กำลังเปิด/ปิดตำแหน่งของลูกค้าหรือดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้าในราคาที่แตกต่างกันอย่างมากจากราคาที่เสนอในช่วงเวลานั้น ส่วนนี้ยังหมายถึงกิจกรรมหรือการไม่เข้าทำการของดีลเลอร์ที่ทำให้เกิดการกำหนดราคาตลาดที่ไม่ถูกต้องในช่วงเวลาหนึ่ง
ค
คำสั่ง
คำสั่งหรือออเดอร์ เป็นตัวกำหนดให้เกิดการดำเนินการใดๆในบัญชีหนึ่ง ประเภทของคำสั่งเกิดขึ้นแตกต่างกันออกไปโดยขึ้นอยู่กับตลาดและตราสาร นอกจากนั้นแต่ละโบรกเกอร์ให้ชุดประเภทคำสั่งแตกต่างกันออกไปอีกด้วย แต่ละชุดอาจประกอบ (โดยเฉพาะในตลาดฟิวเจอร์ส) ไปด้วยคำสั่งที่ค่อนข้างไม่เหมือนกัน ไม่ควรกำหนดคำสั่งในประเภทที่คุณไม่เข้าใจ
ค่าเงินพื้นฐาน
ค่าเงินพื้นฐานเป็นสกุลเงินแรกที่ปรากฎออกมาในคู่สกุลเงิน มูลค่ามันเกิดขึ้นตามราคาของราคาซื้อขายสกุลเงินเมื่อนำมาเทียบกับ ตัวอย่างเช่นหากอัตราคู่สกุลเงินยูโร/ดอลลาร์สหรัฐคือ 1.3525 เงินยูโรถือว่าเป็นค่าเงินฐานและมีมูลค่าเป็น $1.3525
คำสั่งซื้อขายล่วงหน้าหรือ Pending order
คำสั่งซื้อขายล่วงหน้าจะถูกวางไว้เมื่อทำการเปิดสถานะการเทรด ถือว่าเป็นแนวทางที่ให้โบรกเกอร์ซื้อหรือขายคู่สกุลเงินพอราคามุ่งหน้าไปยังระดับที่กำหนดไว้ข้างต้นตามที่ทราบตามตัวคำสั่ง
คำสั่งซื้อขายล่วงหน้ามีอยู่สี่ประเภท:
คำสั่ง Buy Limit เป็นตัวชี้แนะในการซื้อเมื่อราคาจะซื้อในอนาคตเท่ากับระดับที่ระบุไว้ ดังนี้เองราคาปัจจุบันอยู่สูงกว่าระดับของชุดคำสั่ง คำสั่งของประเภทนี้ใช้ในการคาดการณ์ว่าราคาตราสารจะปรับตัวขึ้นหลังจากปรับตัวลงไปยังระดับใดระดับหนึ่ง คำสั่ง Buy Limit ไม่สามารถวางไว้เหนือราคาจะซื้อในปัจจุบัน โดยคุณต้องใช้คำสั่ง Buy Stop ในการนี้แทน
ตำแหน่ง Buy Stop เป็นตัวชี้แนะในการซื้อเมื่อราคาจะซื้อในอนาคตไปอยู่เทียบเท่ากับระดับที่ระบุไว้ ระดับราคาปัจจุบันอยู่ต่ำกว่าระดับของชุดคำสั่ง ตามปกติแล้วคำสั่งประเภทนี้เพื่อใช้ในการคาดการณ์ว่าราคาตราสารจะมุ่งหน้าไปยังระดับใดระดับหนึ่งและมีการปรับตัวขึ้นต่อไป คำสั่ง Buy Stop ไม่สามารถอยู่ต่ำกว่าราคาจะซื้อปัจจุบัน คุณต้องใช้คำสั่ง Buy Limit ในการนี้แทน
คำสั่ง Sell Limit เป็นตัวชี้ในการขายเมื่อราคาจะขายในอนาคตอยู่เทียบเท่ากับระดับที่ระบุไว้ ในกรณีนี้เองระดับราคาปัจจุบันอยู่ต่ำกว่าระดับของชุดคำสั่ง คำสั่งประเภทนี้มักใช้ในการคาดการณ์ว่าราคาตราสารจะหยุดการมุ่งหน้าขึ้นหลังจากปรับตัวขึ้นไปยังระดับนั้นๆ และเริ่มปรับตัวลง คำสั่ง Sell Limit ไม่สามารถวางไว้ต่ำกว่าราคาจะขายปัจจุบัน ด้วยการนี้เองคุณต้องใช้คำสั่ง Sell Stop ในการนี้แทน
คำสั่ง Sell Stop เป็นตัวชี้ในการขายเมื่อราคาจะขายในอนาคตอยู่เทียบเท่ากับระดับที่ระบุไว้ ในการนี้องรดับราคาปัจจุบันอยู่สูงกว่าระดับของชุดคำสั่ง คำสั่งประเภทนี้มักใช้ในการคาดการณ์ว่าราคาตราสารจะปรับตัวลงต่อไปหลังจากมุ่งหน้าลงไปยังระดับนั้นๆ คำสั่ง Sell Stop ไม่สามารถวางไว้สูงกว่าราคาจะขายปัจจุบัน คุณต้องใช้คำสั่ง Sell Limit ในการนี้แทน
การกำหนดคำสั่งซื้อขายล่วงหน้า คุณต้องคลิกไปในหน้าต่าง คำสั่งใหม่ และเปลี่ยนประเภทคำสั่งจาก การดำเนินการแบบทันที ไปเป็น คำสั่งซื้อขายล่วงหน้า
เมื่อคุณใช้ตัวเลือกคำสั่งซื้อขายล่วงหน้า จะพบกับช่องที่ปรากฎขึ้นมาเพื่อให้ระบุเงื่อนไขการดำเนินคำสั่ง โดยจะเป็นคู่สกุลเงิน, ปริมาณและราคาสถานะที่คุณจะเปิด, ประเภทคำสั่งรวมทั้งตำแหน่งการหยุดก่อนขาดทุนและการทำผลกำไร คุณอาจระบุความเห็นลงในคำสั่งและกำหนดวันหมดอายุเพื่อที่จะได้มีการยกเลิกคำสั่งซื้อขายล่วงหน้าได้อย่างอัตโนมัติ หลังจากตั้งค่าแล้วเรียบร้อย คุณสามารถตรวจสอบคำสั่งที่คุณกำหนดไว้ในช่อง Terminal ในหน้าแถบการเทรดได้ ในการเปลี่ยนเงื่อนไขของคำสั่งซื้อขายล่วงหน้าหรือจะ
ช
ช่องว่าง
ช่องว่าง คือพื้นที่ที่ไม่เกิดความต่อเนื่องบนกราฟราคาซึ่งอาจปรากฏขึ้นในระหว่างการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็ว บนกราฟช่องว่างดูเหมือนเป็นพื้นที่ที่ราคาเคลื่อนไหวขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็วซึ่งจะสร้างช่องว่างระหว่างระดับปิดของช่วงเวลาการซื้อขายหนึ่งๆ กับการเปิดของอีกช่วงหนึ่ง คุณสามารถสังเกตช่องว่างได้เฉพาะในโหมดแผนภูมิดังต่อไปนี้นั้นคือแบบแท่งและแท่งเทียนญี่ปุ่น บ่อยครั้งช่องว่างไม่เพียงแต่เป็นผลมาจากแนวโน้มที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณยืนยันด้วย ตัวอย่างเช่นหากราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิดของวันก่อนหน้านี้ ก็อาจแสดงถึงแนวโน้มขาลงที่เป็นไปได้
ด
ดัชนี
ดัชนีหรือดัชนีหุ้นเป็นตัวบ่งชี้แบบคอมโพสิตของราคาสินทรัพย์ที่อยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง (หลักทรัพย์, สินค้าโภคภัณฑ์, อนุพันธ์) อย่างที่เรียกว่าตะกร้าหุ้น
ตามกฎแล้วข้อมูลดัชนีไม่สำคัญเท่ากับการเปลี่ยนแปลงดัชนีตามระยะเวลา เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางทั่วไปของการเคลื่อนไหวของตลาด แม้ในกรณีเหล่านั้นเมื่อหุ้นในตะกร้าหุ้นแสดงการซื้อขายแบบไร้ทิศทาง ดัชนีหุ้นอาจแสดงพฤติกรรมของกลุ่มหลักทรัพย์ (หรือสินทรัพย์อื่นๆ) หรือทั้งตลาด (กลุ่มตลาด) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวชี้วัดที่เลือก
อ้างอิงจากข้อมูลของ Dow Jones & Co. Inc. มีดัชนีหุ้น 2,315 ดัชนีในโลกช่วงสิ้นปี 2003
ในตอนท้ายของชื่อดัชนีหุ้น อาจเป็นตัวเลขที่แสดงถึงจำนวนหุ้นตามการคำนวณของดัชนีตามเกณฑ์: CAC 40, Nikkei 225, S&P 500
ต
ตำแหน่งการหยุดก่อนขาดทุน (Stop Loss)
ตำแหน่งการหยุดก่อนขาดทุน หรือคำสั่งป้องกันเป็นคำสั่งที่กำหนดกับทางโบรกเกอร์เพื่อทำการปิดสถานะโดยอัตโนมัติเมื่อราคามุ่งหน้าไปยังระดับใดระดับหนึ่ง คุณสามารถกำหนดคำสั่งป้องกันเพื่อลดขนาดการขาดทุนหากตลาดเคลื่อนตัวไม่ตามคาด
ตำแหน่งการหยุดก่อนขาดทุนเป็นคำสั่งที่ใช้ระงับความเสี่ยงมากกว่าใช้เพื่อทำกำไร ไม่ใช้ทุกคนรู้วิธีการใช้คำสั่งเพื่อยับยั้งความเสี่ยง จึงไม่ใช่มันในกลยุทธ์ของพวกเขาจึงอาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ค่อยดีตามมา
หนึ่งในกฎการจัดการเงินคือ “ควบคุมความเสียหายของทุกดีลให้ไม่มากไปกว่า 5% ของยอดเงินคงเหลือ” หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งตำแหน่งการหยุดก่อนขาดทุนจะไม่ออกไปเกินกว่าตำแหน่งจุดที่ระบุไว้โดยจะขึ้นอยู่กับปริมาณของออเดอร์ในแต่ละดีล แต่กฎนี้ไม่ได้เหมาะสมในทุกสถานการณ์ ตามกราฟระยะเวลายาวแล้วตำแหน่งหยุดด้านล่างมีความจำเป็นที่ต้องพิจารณาถึงส่วนต่างและระดับสูงกว่านั้นก็มีความสำคัญในการบรรลุหลักการหยุด/ผลกำไร 1:3 การตั้งค่าระดับหยุดก่อนขาดทุนในกราฟระยะเวลา 15นาทีแสดงถึงผลกำไรที่ไม่เพียงพอ ขณะที่กำหนดมันไว้สูงกว่าเดิมแสดงถึงส่วนต่างของราคาที่ตามมา สำหรับนักเก็งกำไรที่ต้องการเดินเกมเชิงรุกอาจไม่ต้องการแนวโน้มเช่นนี้ เนื่องจากเมื่อปริมาณออเดอร์เพิ่มขึ้น ขนาดของการหยุดจะลดลงดังนั้นมันควรวางไว้ตรงไหนกัน?
อย่างแรกคุณต้องตัดสินใจว่าตรงไหนที่ปลอดภัยในการวางตำแหน่งหยุดก่อนขาดทุนในสถานการณ์นั้นๆ หากคุณใช้ช่องทาง ต้องกำหนดตำแหน่งหยุดไว้นอกขอบเขตช่องทาง หากคุณใช้ระดับแนวรับ/แนวต้าน ก็ต้องวางไว้ต่ำ/เหนือระดับนี้ ดังนั้นกรณีที่มีการฝ่าตัวผ่านขอบเขตหรือช่องทางออกไป แนวโน้มอาจย้อนกลับและเงินคุณจะปลอดภัย หากไม่มีทั้งขอบเขตหรือช่องทางอยู่โดยรอบ จากนั้นออปชั่นที่ดีที่สุดของการกำหนดตำแหน่งหยุดก่อนขาดทุนจะอยู่เหนือหรือต่ำกว่ากราฟแท่งเทียนการขายหรือการซื้อก่อนหน้า มีตัวบง่ชี้มาตรฐานหลายส่วนที่จะช่วยกำหนดตำแหน่งออกนั้นคือเส้น Bollinger และ Parabolic สำหรับเส้น Parabolic นั้นมีการใช้อย่างง่ายดายคือจะกำหนดตำแหน่งหยุดไว้ในตำแหน่งตัวบ่งชี้และ Bollinger ใช้งานตามกฎของช่องทาง
หลังจากกำหนดตำแหน่งว่า “เหนือ” และ “ล่าง” คุณต้องดูช่องทางระหว่างตำแหน่งเข้าที่คาดไว้และตำแหน่งการหยุดก่อนขาดทุน หากมีการขาดทุนที่น้อยกว่า 5% และผลกำไรสามารถรองรับได้จากนั้นคุณก็จะเข้าสู่ตลาดได้อย่างปลอดภัย
ข้อมูลตามนี้ไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าตำแหน่งออกจากสถานะไหนควรกำหนดตามปกติแล้ว หากการขาดทุนออกมามากกว่า 5% และผลกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมาก ก็ควรรอจนกว่ามีช่วงเวลาที่เหมาะสม ถ้าหากระดับการหยุดนั้นค่อนข้างต่ำ ก็ควรปล่อยไว้สักระยะ จนกว่าราคามุ่งหน้าไปยังพื้นที่แดนบวกจากขาเข้า ตำแหน่งการหยุดก่อนขาดทุนอาจเริ่มต้นเคลื่อนตัวหลังจากนั้น ตามกฎของ “กราฟแท่งเทียนก่อนหน้าจากด้านบน/ด้าน่าง” ก็อาจไปหาราคาในตำแหน่งที่มันได้สูญเสียโมเมนตัมไปและเตรียมการย้อนตัว ด้วยการนี้เองตำแหน่งการหยุดก่อนขาดทุนแบบลอยตัวจึงถูกออกแบบมา แต่มันก็ไม่ได้ใช้การเสมอไปเนื่องจากมีข้อกำหนดอยู่อีกด้วย
ด้วยแนวทางการจำกัดความเสี่ยงเช่นนี้อาจทำให้ยากต่อการทดสอบกลยุทธ์และคำนวณผลตอบแทนรายเดือน อย่างไรก็ตามมันยังมีความยืดหยุ่นมากกจากขนาดของตำแหน่งการหยุดก่อนขาดทุนที่ระบุไว้
ตำแหน่งราคาแบบ Tick
Tick เป็นมูลค่าขั้นต่ำของการเปลี่ยนแปลงในราคา ตอนนี้ Tick สามารถขึ้นไปเป็น 1/16, 1/32, 1/64 ตามเงินดอลลาร์สหรัฐโดยจะขึ้นอยู่กับประเภทของหลักรัพย์และค่าใช้จ่ายถึงแม้จะทราบแล้วว่าจะมีเป็นหลักจุดทศนิยมได้ในอนาคตเมื่อ Tick กลายเป็น 1/100 ของเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อลองแปลงข้อมูลการเคลื่อนไหวราคาดูแล้วจะพบกับคำที่ใช้กันนั้นก็คือคำว่า “uptick” (1 tick ไปด้านบน) และ “downtick” (1 tick ลงด้านล่าง)
ตำแหน่งที่เปิด
ตำแหน่งที่เปิดเป็นผลมาจากธุรกรรมส่วนแรกที่เสร็จสมบูรณ์ สำหรับการเปิดตำแหน่ง ลูกค้ายอมรับข้อผูกมัดต่อไปนี้ เพื่อดำเนินการจัดการสัญญาตรงข้ามของปริมาณเดียวกันและเพื่อรักษาระดับราคาไม่ให้ต่ำกว่า 10% ของมาร์จิ้นที่ต้องการ
ตัวบ่งชี้
ตัวบ่งชี้เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มบางอย่างในตลาด คุณสามารถใช้ตัวบ่งชี้ที่แตกต่างกันของการวิเคราะห์ทางเทคนิคเมื่อใช้งานตลาดแลกเปลี่ยนต่างประเทศหรือตลาดหุ้น แต่ไม่แนะนำให้ใช้มากกว่าสามตัว เพื่อให้เข้าใจตัวบ่งชี้ได้ดีขึ้น คุณควรใช้ตามสูตรของพวกมัน สูตรอาจซับซ้อนหรือเรียบง่าย
ตัวชี้วัดประเภทแรกเป็นตัวกำหนดแนวโน้มและแสดงว่าตลาดมีการซื้อมากเกินไปหรือมีการขายมากเกินไป ตัวบ่งชี้เหล่านี้ได้แก่ Stochastics และ RSI ไม่มีเป้าหมายในการใช้สองส่วนนี้ คุณควรทราบว่าตัวบ่งชี้เดียวได้กำหนดสัญญาณต่างๆออกมา คุณไม่จำเป็นต้องใช้ตัวบ่งชี้ประเภทเดียวกันเพื่อกำหนดการเคลื่อนไหวของตลาด ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับกำหนดการเคลื่อนไหวของราคาหรือเพื่อยืนยันสัญญาณที่มีอยู่ Fractals สามารถรวมอยู่ในกลุ่มตัวบ่งชี้ได้ มันยืนยันสัญญาณ Alligator เมื่อกำหนดแนวโน้ม โดยปกติแล้วเทรดเดอร์ใช้ตัวบ่งชี้สามประเภทนั้นคือ ตัวบ่งชี้ราคาตามปริมาณที่ใช้ในการกำหนดระดับแนวรับและแนวต้าน, ตัวบ่งชี้แนวโน้มซึ่งช่วยกำหนดการเคลื่อนไหวของราคาระยะยาวและ oscillators ในการเลือกกลยุทธ์ให้ถูกต้อง คุณต้องใช้ตัวบ่งชี้ที่มีมาตรการป้องกันเนื่องจากไม่สามารถให้สัญญาณที่เชื่อถือได้ 100%
ไม่มีใครสามารถรับประกันว่าคุณจะได้กำไร 100% เมื่อทำการซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วยการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค แน่นอนว่ามันจำเป็นต้องใช้ตัวบ่งชี้ แต่คุณต้องรู้วิธีเลือกใช้งาน ตอนนี้มีอินตัวบ่งชี้ใหม่ๆ เป็นจำนวนมากที่ให้สัญญาณผิดพลาด ส่วนใหญ่แล้วตัวบ่งชี้ดังกล่าวไม่ได้ผลใช้งานได้ คุณสามารถสร้างตัวบ่งชี้ของคุณเองที่จะสนับสนุนกลยุทธ์ของคุณ แต่สำหรับสิ่งนี้คุณจำเป็นต้องรู้ภาษาโปรแกรม คุณสามารถพัฒนาระบบการซื้อขายของคุณเองได้หากคุณเรียนรู้วิธีการเขียนอินดิเคเตอร์
ระบบการซื้อขายสามารถเปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ตลาด
ตำแหน่ง Stop out
ตำแหน่ง Stop out คือคำสั่งที่เซิร์ฟเวอร์สร้างขึ้นเพื่อบังคับปิดสถานะในบัญชีซื้อขายเมื่อระดับมาร์จิ้นถึง 10% หรือน้อยกว่า
หากต้องการทำความคุ้นเคยกับเงื่อนไข Stop out สามารถไปที่ "สำหรับเทรดเดอร์" - "เงื่อนไขการซื้อขาย" - การเปิดบัญชี ตามข้อ 3.15:
"3.15. การบังคับปิดตำแหน่ง
3.15.2. หากสถานะบัญชีซื้อขายปัจจุบัน (ส่วนของผู้ถือหุ้น) น้อยกว่า 10% ของมาร์จิ้นที่จำเป็นในการรักษาสถานะที่เปิดอยู่ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปิดสถานะที่เปิดอยู่ของลูกค้าโดยไม่ต้องทำการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
3.15.3. เซิร์ฟเวอร์ควบคุมสถานะปัจจุบันของบัญชี ในกรณีที่มีการละเมิดเงื่อนไขตามที่อธิบายไว้ในข้อ 3.15.2 ของเงื่อนไขปัจจุบัน เซิร์ฟเวอร์จะสร้างคำสั่งปิดสถานะแบบบังคับ (stop out) จะดำเนินการ Stop out ของราคาตลาดตามคิวการสั่งซื้อของลูกค้าทั่วไป การบังคับปิดตำแหน่งจะถูกบันทึกไว้ในล็อกไฟล์ของเซิร์ฟเวอร์เป็น "stop out"
บ
บิ๊ป (Pips)
บิ๊ป (จุด) เป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่น้อยที่สุดในราคา ตัวอย่างเช่นหากราคาเป็น 1.1244 และกลายเป็น 1.1245 แสดงว่าราคาเปลี่ยนไป 1บิ๊ป(จุด)
บัญชี PAMM
PAMM (Percentage Allocation Management Module) เป็นบัญชีซื้อขายที่ออกแบบมาสำหรับการจัดการความน่าเชื่อถือสำหรับเงินทุนของนักลงทุน บัญชี PAMM ทำให้เกิดความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ระหว่างผู้จัดการบัญชีและนักลงทุน ด้วยระบบ PAMM ผลกำไรและการขาดทุนจะกระจายตามสัดส่วนระหว่างผู้เข้าร่วม
บัญชี PAMM เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประสิทธิภาพทั้งสำหรับนักลงทุน (ลดความเสี่ยงในการลงทุน) และสำหรับผู้จัดการเทรดเดอร์ (ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการจัดการความน่าเชื่อถือของบัญชีซื้อขายโดยไม่คำนึงถึงจำนวนของพวกเขา)
ข้อดีของบัญชี PAMM สำหรับผู้จัดการเทรดเดอร์:
– บัญชีซื้อขายเดียวสำหรับนักลงทุนหลายคน;
– เทรดเดอร์สามารถได้รับผลกำไรจากการลงทุนของตนเองหรือจากกองทุนของนักลงทุน;
– พอร์ตการลงทุนหลายสกุลเงิน (นักลงทุนสามารถมีเงินฝากในสกุลเงินต่างๆ);
– เทรดเดอร์สามารถปรับการตั้งค่าของบัญชี PAMM ได้;
– ผู้จัดการเทรดเดอร์ที่ทำกำไรสามารถดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาได้ไม่จำกัดจำนวน
ข้อดีของบัญชี PAMM สำหรับนักลงทุน:
– เงินฝาก 3,000 USD ซึ่งเป็นของผู้จัดการเทรดเดอร์ซื้อขาย PAMM รับประกันว่าผู้จัดการจะทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของนักลงทุน;
– ระบบรักษาความปลอดภัยอนุญาตให้ผู้จัดการทำธุรกรรมได้ แต่ไม่อนุญาตให้ถอนเงินจากนักลงทุน ;
– นักลงทุนสามารถฝากและถอนเงินออกจากบัญชี PAMM ได้ตลอดเวลา;
– เป็นไปได้ที่จะกระจายการลงทุนโดยจัดสรรให้กับบัญชี PAMM ที่เป็นของผู้จัดการคนละคนกัน;
– ความโปร่งใสของประวัติการซื้อขายและกิจกรรมปัจจุบันในบัญชี PAMM
ป
ประวัติบัญชี
ประวัติบัญชีคือบันทึกกิจกรรมทั้งหมดในบัญชีซื้อขาย รวมถึงธุรกรรมที่เสร็จสมบูรณ์และการดำเนินการที่ไม่ใช่การซื้อขาย
ปริมาณการซื้อขาย
ปริมาณการดำเนินการซื้อขายเป็นจำนวนล็อตคูณด้วยขนาดของล็อต
ฟ
ฟิวเจอร์สหรือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า
สัญญาซื้อขายแบบฟิวเจอร์สเป้นข้อตกลงหรือสัญญาว่าจะซื้อหรือจะขายในราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในราคาที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ ตามระยะเวลาในอนาคตที่กำหนดไว้
สัญญาซื้อขายแบบฟิวเจอร์สคืออะไร
สัญญาซื้อขายแบบฟิวเจอร์สเป็นข้อกำหนดการซื้อหรือขายสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะเวลาที่กำหนดในอนาคต ในราคาที่อยู่ ณ ปัจจุบัน
1.สัญญานี้สามารถแลกเปลี่ยยภายในได้ มันเป็นไปตามมาตรฐานของสินค้า, เวลาและราคาการจัดส่ง
2. คำ "สินค้าโภคภัณฑ์" มีความหมายที่กว้างขวาง รวมถึงตราสารการเงินและราคาหุ้น
3. สัญญามีการเทรดตามอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคตที่มีการดูแลและจัดการไว้ ดังนั้นผู้ซื้อและผู้ขายสามารถเข้าหากันได้โดยง่าย
สิ่งที่ควรทราบ: สัญญาซื้อขายแบบฟิวเจอร์สเป็นข้อกำหนด (แต่ไม่ได้เกิดขึ้นทันที โดยจะเป็นไปตามการตกลง) และข้อกำหนดก็จะมีการดำเนินการตาม ในหลายกรณีมันเกิดขึ้นผ่านทางการทำธุรกรรมแบบย้อนกลับเพราะเป็นไปตามที่ผู้ขายปิดสถานะ (ขายหากได้้ซื้อเข้ามาแล้ว หรือซื้อหากทำการขาย) แต่เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายผู้ขายอาจรักษาสถานะจนกว่าถึงวันที่กำหนดจัดส่งที่จะดำเนินการโดยตลาดหลักทรัพย์ที่มีสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้มีการเทรดหรือซื้อขายด้วยเงินสด
ฟรีมาร์จิ้น (Free margin)
ฟรีมาร์จิ้นคือเงินทุนที่ไม่ได้ถูกใช้ไปกับหลักทรัพย์ในการเปิดตำแหน่ง โดยจะมีการคำนวณตามสูตรดังต่อไปนี้ ฟรีมาร์จิ้น = เงินทุน - มาร์จิ้น
ฟีดมูลค่าการซื้อขาย
หน้าฟีดมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับมูลค่าของตราสารการซื้อขายแต่ละส่วนในแพลตฟอร์มการซื้อขาย
ม
มาร์จิ้นคอล (Margin call)
มาร์จิ้นคอลเป็นข้อกำหนดของทางโบรกเกอร์ที่จะให้ทางลูกค้าฝากเงินเพิ่มหรือหลักทรัพย์นั้นมีการขายชอร์ตหรือเป็นธุรกรรมแบบ “ซื้อพร้อมเลฟเวอร์เรจ” ที่เกิดขึ้นโดยการใช้เครดิตของโบรกเกอร์แล้วยังทำให้เกิดการขาดทุนในรอบปัจจุบัน ตามกฎแล้วในสถานการณ์เช่นนี้ลูกค้าต้องเพิ่มหลักประกันเข้าไปภายในรอบวันนั้น และเขาต้องดูแลผลเสียหายที่ได้เกิดขึ้นกับโบรกเกอร์
มาร์จิ้น (Margin)
มาร์จิ้นเป็นผลรวมของเงินที่สามารถใช้งานได้ในบัญชีเพื่อเปิดการเทรด
ย
ยอดเงินคงเหลือ
ยอดคงเหลือคือผลลัพธ์ทางการเงินสะสมของธุรกรรมที่เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดและการฝาก/ถอนเงินเข้า/ออกจากบัญชีซื้อขาย
ร
ราคาขายสินทรัพย์แบบ Quotation
คำศัพท์ "to quote" อาจเป็นคำที่หยิบยืมมาจากคำกริยาของฝรั่งเศส "coter" ที่หมีความหมายว่ากำหนด/ระบุ ตัวเลข ราคาสุดท้ายเป็นมูลค่าของสกุลเงินหนึ่งที่มาพร้อมกับอีกสกุลเงินหนึ่ง
ตัวอย่างเช่นราคาของคู่สกุลเงิน EUR/USD คือ 1.2750 แสดงว่าสกุลเงินยูโรตัวแรกมีมูลค่า 1.2750 ดอลลาร์ สกุลเงินที่เป็นฐานหลักจะมีการขายหรือซื้อออก สกุลเงินอันดับสองเป็นส่วนที่ราคาเป็นไปตามสกุลเงินหลัก ดังนั้นสำหรับคู่สกุลเงิน EUR/USD เงินยูโรถือว่าเป็นสกุลเงินหลักขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐจะเป็นสกุลเงินอันดับสอง ถือว่าสกุลเงินแรกเป็นสกุลเงินหลัก ธุรกรรมทั้งหมดดำเนินการตามสกุลเงินหลัก เงินยูโร (EUR) จะเป็นสกุลเงินหลักตามปกติ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) เป็นสกุลเงินหลักในทุกคู่สกุลเงิน ยกเว้นพอคู่กับเงินยูโร เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ทำหน้าที่ได้เฉพาะสกุลเงินรอง
ราคาตามเงินอันดับสองอาจเกิดขึ้นโดยตรงหรือทางอ้อม ราคาโดยตรงแสดงปริมาณสกุลเงินประจำชาติต่อเงินต่างประเทศ USD/JPY, USD/CHF, USD/CAD และอื่นๆ ราคาทางอ้อมแสดงจำนวนสกุลเงินต่างประเทศต่อสกุลเงินประจำชาติ EUR/USD, GBP/USD, AUD/USD และอื่นๆ
มีสองสิ่งที่ต้องจับตาดูในราคาขาย ตัวอย่างคู่สกุลเงิน EUR/USD คือ 1.2750-1.2750 ตัวแรกเป็นราคาขายของคู่สกุลเงินหลัก (ราคาเสนอขาย) จากนั้นตัวสองจะเป็น ราคาเสนอซื้อจะเป็นราคาของการซื้อสกุลเงินหลักตามสกุลเงินรอง ข้อแตกต่างระหว่างตัวเลขทั้งสองคือสเปรด ขนาดของสเปรดขึ้นอยู่กับคุ่สกุลเงิน, จำนวนการเทรดรวมและธรรมชาติของตลาด ราคาขายแสดงแวดล้อมของตลาดรวมทั้งอัตราส่วนอุปสงค์ต่ออุปทาน
ราคาที่ไม่เป็นไปตามตลาด
ราคาที่ไม่เป็นไปตามตลาดเป็นระดับราคาภายในส่วนต่าง มันแสดงให้เห็นถึงระดับราคาของมูลค่าการซื้อขายที่ก่อส่วนต่างขึ้นมา มันมีความเกี่ยวข้องกับราคาซื้อขายโดยตรงซึ่งปรากฎออกมาเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของราคา ราคาในระดับนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ไม่มีการนำเสนอข่าวเศรษฐกิจมหภาคที่มักจะมีผลกระทบสำคัญอย่างมากต่ออัตราราคาตราสาร
ส
สวอป (สวอป - แบบสะสม)
สวอปเป็นเงินที่ไม่ได้ถูกหักจากหรือไม่ได้เป็นเงินที่เติมเข้าไปในบัญชีลูกค้าเพื่อการเปิดสถานะค้างคืนไว้
สภาพคล่อง
สภาพคล่องเป็นสถานะของตลาดหรือระดับที่ใช้ตรวจสอบว่าสินทรัพย์นั้นควรจะซื้อหรือขายอย่างรวดเร็วโดยไม่ขาดทุนไปมากในราคานั้นๆ สำหรับศํพท์นี้ในด้านธนาคารจะไว้ใช้อธิบายถึงความสามารถของธนาคารในการดูแลการชำระเงินปัจจุบันเพื่อให้ตรงกับความรับผิดชอบ
สเปรด (Spread)
สเปรดเป็นส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายปัจจุบันของคู่สกุลเงินหรือ CFD
สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (Contract For Difference)
สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) เป็นสัญญาที่ช่วยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดูแลการดำเนินการเก็งกำไรไปพร้อมกับสินทรัพย์ทางการเงินนั้นๆโดยไม่มีค่าจัดส่งจริง
สภาวะตลาดปกติ
สภาวะตลาดปกติเป็นไปตามข้อกำหนดแต่ละข้อดังต่อไปนี้คือไม่มีการทะลุผ่านระดับมูลค่าซื้อขายบนแพลตฟอร์มการซื้อขาย, ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เร่งรีบและไม่มีช่องว่างของราคาที่สำคัญ
อ
อัตราแลกเปลี่ยนแบบไขว้ (Cross-rates)
อัตราแลกเปลี่ยนแบบไขว้มักใช้ในช่วงการดำเนินการในตลาดโลก มันคืออะไรกัน
อัตราแลกเปลี่ยนแบบไขว้เป็นตัวเลขระหว่างสกุลเงินทั้งสองที่เกิดขึ้นจากอัตราที่มีความเกี่ยวข้องกับอัตราตามสกุลเงินที่สาม ตามกฎแล้วอัตราแลกเปลี่ยนแบบไขว้กับเงินดอลลาร์สหรับในฐานะที่เป็นสกุลเงินสามมีการใช้งานในตลาดโลก เหตุผลคือเงินดอลลาร์อเมริกาไม่เพียงแต่เป็นสกุลเงินสำรองขนาดใหญ่แต่ยังเป็นสกุลเงนที่มีการทำธุรกรรมในการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศมากที่สุด อัตราแลกเปลี่ยนแบบไขว้มี CHF/JPY, GBP/CHF, EUR/GBP, EUR/CHF, และ EUR/JPY
การคำนวณอัตรา GBP/JPY, GBP/CHF, EUR/CHF, และ EUR/JPY มาจากการผสมกันหลายส่วน
GBP/JPY = GBP/USD x USD/JPY
GBP/CHF = GBP/USD x USD/CHF
EUR/CHF = EUR/USD x USD/CHF
EUR/JPY = EUR/USD x USD/JPY.
ตัวอย่างถ้าอัตราคู่สกุลเงิน EUR/USD คือ 1.0100 และคู่สกุลเงิน GBP/USD คือ 1.5720 จากนั้น EUR/GBP จะอยู่ที่ 1.0100 / 1.5720 = 0.6425
อาร์บิทราจการแปลงสกุลเงิน
การดำเนินการอาร์บิทราจการแปลงสกุลเงินคือการทำธุรกรรมซื้อ/ขายกับสกุลเงินหรือ CFD ระหว่างบริษัทกับลูกค้า ซึ่งหมายถึงการทำธุรกรรมซื้อ/ขายที่ตรงกันข้ามอย่างน้อยสองครั้งที่มีปริมาณเท่ากัน
เ
เลฟเวอเรจ
เลฟเวอเรจเป็นอัตราส่วนระหว่างจำนวนมาร์จิ้นและเงินที่กู้ยืมมาเพื่อจัดสรรตาม 1:100, 1:200, 1:500 เลฟเวอร์เรจ 1:100 คือเทรดเดอร์จำเป็นต้องมีเงินเป็นจำนวนเงินในบัญชีซื้อขายที่ต้องน้อยกว่าจำนวนรวมที่ได้ทำธุรกรรมไป 100เท่า
อัตราส่วนที่ยืมนั้นเรียกว่าเลฟเวอเรจ มูลค่ามันมีมากมายจากตั้งแต่ 1:1 จนถึง 1:500 มันคือการที่ลูกค้าสามารถซื้อหรือขายสกุลเงินได้ในจำนวนมที่มากกว่ามาร์จิ้นถึง 500เท่า ตัวอย่างเช่นหากเทรดเดอร์เลือกเรฟเวอเรจ1:100และทำการเติมเงินไป $100 จากนั้นเขาก็จะมีโอกาสในการซื้อสกุลเงินได้ถึง 100*100=$10,000 หลังจากซื้อสกุลเงินตามอัตราการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการ เทรดเดอร์ก็จะกำหนดการขาย จากนั้นได้รับผลกำไรจากอัตราการผันผวนของสกุลเงิน กล่าวอีกนัยหนึ่งเทรดเดอร์ได้ทำธุรกรรม ในขณะที่ปิดการเทรด ก็จะได้รับเงินมาจากการปิดโดยทันที มาร์จิ้นยังคงอยู่ในบัญชีของเทรดเดอร์รวมทั้งผลกำไรที่ได้รับมา แนวทางนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เทรดเดอร์มีผลกำไรเพิ่มขึ้น บางทีอาจมากกว่าจำนวนมาร์จิ้นที่อยู่ในการทำธุรกรรมแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ความเสี่ยงของเทรดเดอร์จำกัดอยู่แค่ในจำนวนของมาร์จิ้นที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม แต่รับประกันเฉพาะการเติมส่วนขาดทุนหรือผลกำไรแบบเต็มจำนวนจากการปิดดีล การปิดธุรกรรมเป็นการดำเนินการแบบตรงกันข้าม เมื่อทำการซื้อสกุลเงินนั้นๆ การขายจะเกิดขึ้นในปริมาณเดียวกัน
คำนิยามของเลฟเวอเรจเกี่ยวข้องกับมาร์จิ้นอย่างใกล้ชิด แต่พอลองดูให้ละเอียดแล้วมีความแตกต่างของสองนิยามนี้ แต่เพื่อความปลอดภัยมันจะได้ผลเดียวกัน ยิ่งเลฟเวอเรจใหญ่ขึ้น จำนวนอัตราส่วนเงินทุนและธุรกรรมที่ใช้เพื่อทำกำไรจะยิ่งมากขึ้น แล้วมันจะส่งผลต่อการซื้อขายอย่างไร ขอเริ่มต้นด้วยข้อมูลของมาร์จิ้น
แต่แรกหลักการเทรดด้วยมาร์จิ้นเกี่ยวข้องกับธุรกรรมในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ในศตวรรษที่ 19 ตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าโภคภัณฑ์เป็นตลาดที่มีการเทรดเกิดขึ้นด้วยการใช้เงินสด โบรกเกอร์ที่ให้บริการดำเนินการธุรกรรม ได้โอนเงินและการจัดการบัญชี ก็เป็นดีลเลอร์ในตลาดอีกด้วย โบรกเกอร์ยังใช้บัญชีโดยมีวิธีการพิเศษของการลงข้อมูลที่เรียกว่า “วัฎจักร” วิธีการนี้ได้ลอย่างมากสำหรับการจัดการบัญชีระหว่างลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพในการขายสินค้าอีกครั้งบ่อยขึ้น วิธีการหมุนเวียนเช่นนี้ได้นำไปปรับใช้กับตลาดฟิวเจอร์สนับตั้งแต่ปี 1920 ต่อมาภายหลังหากมันตรงกับความต้องการ ภายใต้กระบวนการนี้เองสมาชิกในตลาดแลกเปลี่ยนที่กำลังใช้ดีลเพื่อใช้ตามความต้องการของตนเองทั้งหมดตามที่กำหนดขึ้นตามสัญญาในฐานะผู้ร่วมในข้อตกลงเขาเป็นกลุ่มเดียวที่จะมีส่วนรับมือชอบต่อการดำเนินการตามกำหนดของดีล เนื่องจากระบบการชำระหนี้เช่นนี้ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องฝากเงินทุนของจนเพื่อเป็นเครื่องรับประกันทางการเงินเพื่อการดำเนินการด้วยสัญญาแลกเปลี่ยน และสามารถเพลิดเพลินไปกับการเทรดในราคาขั้นต่ำ วิธีการชำระหนี้ก่อนหน้านี้มีประโยชน์อย่างมากเมื่อธุรกรรมอย่างมากจัดทำขึ้นเพื่อด้านพาณิชย์เพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่นการซื้อและขายสัญญาแสดงถึงอุปสงค์ต่อสินค้าในตัวมันเองอย่างแท้จริง สมาชิกในตลาดแลกเปลี่ยนต้องมีสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆเพื่อรับประกันการดำเนินการตามความต้องการภายใต้เงื่อนไขอื่นๆ
เงินในบัญชีตอนนี้ หรือ Equity
ตัวเลขส่วนนี้เป็นเงินในบัญชีของลูกค้าที่ใช้ในการรวมตำแหน่งเปิด มีการคำนวณตามสูตรดังต่อไปนี้ ยอดเงินในบัญชี + ผลกำไรลอยตัว/ผลกำไรแบบลอยตัว + สวอป เงินในบัญชีตอนนี้เป็นเงินในบัญชีแยกย่อยของลูกค้าที่ลบกับการขาดทุนในบัยชีจากการสถานะที่ใช้เปิดและบวกกับผลกำไรปัจจุบันในสถานะที่ใช้เปิด
เหตุสุดวิสัย
เหตุสุดวิสัยหมายถึงเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าหรือป้องกันได้ ตามกฎแล้วสิ่งเหล่านี้คือภัยธรรมชาติ, สงคราม, การจู่โจมของผู้ก่อการร้าย, การดำเนินการของทางการฝ่ายบริหารและหน่วยงานนิติบัญญัติ, การจู่โจมของแฮ็กเกอร์และการกระทำที่ผิดกฎหมายอื่นๆ ต่อเซิร์ฟเวอร์
เงาแท่งเทียน
ระยะห่างระหว่างตัวเทียนกับราคาสูงสุดของวันในรูปแบบของเส้นตั้งเรียกว่าเงาด้านบนของเทียน (uwakage) ระยะห่างระหว่างตัวเทียนกับราคาต่ำสุดก็ถูกแสดงเป็นเส้นเช่นกันและเรียกว่าเงาด้านล่างของเทียน (shitakage)
ตัวเทียนญี่ปุ่นคือความต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิด และเงาของเทียนญี่ปุ่นชี้ไปที่ราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วงเวลาการซื้อขายที่กำหนด หากเงาสั้น แสดงว่าช่วงราคาของหลักทรัพย์นั้นๆจะอยู่ใกล้กับราคาเปิดและปิดของช่วงเวลานั้น หากเงายาว หมายความว่าการซื้อขายในกรอบเวลานี้มีความกระฉับกระเฉง และราคาได้เคลื่อนไปจากราคาเปิดและกลับมาที่ราคาปิดในภายหลัง
หากเทียนมีเงาด้านบนยาวและเงาด้านล่างสั้น แสดงว่ากระทิง (ผู้ซื้อ) ครองตลาดในช่วงเวลานี้และผลักดันราคาไปยังระดับสูงสุด จากนั้นหมี (ผู้ขาย) ส่งมันไปที่ระดับราคาปิด
หากเทียนมีเงาด้านล่างยาวและเงาด้านบนสั้น หมีได้ผลักดันราคาลง และจากนั้นกระทิงได้นำมันกลับไปที่ระดับราคาปิด ในทั้งสองกรณี สีของเทียนไม่มีความสำคัญ
แ
แพลตฟอร์มการซื้อขาย
แพลตฟอร์มการซื้อขายเป็นผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์จาก MetaTrader 4 ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับการซื้อขายในตลาดการเงิน (ตามขอบเขตที่บริษัทกำหนดไว้), ทำการวิเคราะห์ทางเทคนิค, ดำเนินการซื้อขาย, ตั้งค่า,แก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งซื้อพร้อมกับรับข้อความจากบริษัท
โ
โบรกเกอร์
โบกรเกอร์เป็นผู้ร่วมตลาดที่มีความชำนาญที่จะดำเนินการธุรกรรมด้วยชุดเครื่องมือที่ไม่ได้ทำเพื่อลูกค้าหรือด้วยชื่อเสียงของเขาเองในบัญชีลูกค้าตามสัญญาที่สะสมกับทางลูกค้า
โบรกเกอร์เป็นบุคคลหรือนิติบุคคลที่ได้จดทะเบียนเพื่อดูแลการดำเนินการในตลาดหลักทรัพย์แทนลูกค้า โบรกเกอร์ถูกแบ่งออกเป็นสามประเภท ประเภทแรกคือโบรกเกอร์ที่เก็บค่าคอมมิชชั่นที่สูงและมอบบริการให้อย่างมากมาย (โบรกเกอร์ที่ให้บริการครบทุกด้าน) รวมทั้งการเข้าร่วมในการซื้อขาย IPOs และการให้รายงานเกี่ยวกับบริษัท ประเภทที่สองคือโบรกเกอร์ที่ให้บริการเฉพาะบางอย่าง (โบรกเกอร์ที่ให้ส่วนลดหรือการลดราคาตามปกติ) และเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นโดยเฉลี่ยแต่ไม่ได้มอบบริการให้ทุกอย่าง ตัวอย่างเช่นพวกขเาไม่ได้ให้คำแนะนำถึงการซื้อ/ขายหรือประเภทสินทรัพย์ต่างๆ และสดท้ายมีโบรกเกอร์ลดลราคาที่ตามปกติดำเนินคำสั่งของลูกค้าที่ไม่ต้องการบริการอื่นๆ
โปรแกรมช่วยเทรด
โปรแกรมช่วยเทรดเป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อจัดการบัญชีซื้อขายที่เขียนขึ้นโดยภาษา MetaQuotes Language 4 โปรแกรมส่งคำขอและคำสั่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ผ่านทางโปรแกรมการซื้อขายของลูกค้า
ไ
ไฟล์ข้อมูลลูกค้า
ไฟล์ข้อมูลลูกค้าเป็นไฟล์ที่สร้างขึ้นโดยแพลตฟอร์มการซื้อขาย ซึ่งจะบันทึกคำขอและคำสั่งทั้งหมดที่ลูกค้าส่งไปยังดีลเลอร์
ไฟล์บันทึกเซิร์ฟเวอร์
ไฟล์บันทึกเซิร์ฟเวอร์ถูกสร้างโดยเซิร์ฟเวอร์ มันบันทึกคำขอและคำสั่งทั้งหมดที่ดีลเลอร์ได้รับจากลูกค้าตลอดจนรายงานจากการประมวลผลด้วยความแม่นยำเฉพาะเจาะจง