ยูโรโซน
การเติบโตของกิจกรรมทางธุรกิจในทวีปยุโรปก็ยังคงปรับตัวขึ้นมา อ้างอิงข้อมูลจากสถาบัน IHS Markit ได้ออกมาระบุถึง ดัชนีรวมในเดือนธันวาคมได้ขยับตัวไปจนถึง 58.1 จุด ซึ่งอยู่สูงมากกว่าเดิมในเดือนพฤศิจกายนใน 57.5 จุด แล้วระดับสูงสุดตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ในปี 2011
ดัชนี PMI ในส่วนของภาคการบริการเพิ่มขึ้นมาจากเดิมใน 56.2 เป็น 56.6จุด พร้อมกันกับการเพิ่มขึ้นมาของ คำสั่งซื้อสินค้าใหม่ในระดับสูงที่สุดในรอบสิบปี โดยสถานการณ์ในภาคการผลิตเองก็อยู่ในเส้นทางเดียวกัน โดยคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ได้ขยับตัวไปในะรดับสูงที่สุดตั้งแต่ช่วงเดือน เมษายนปี 2000 ที่ผ่านมา และส่วนแบ่งของคำสั่งซื้อก็เกิดขึ้นมาจากแรงกดดันของการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในประเทศ
การเติบโตในกิจกรรมของภาคธุรกิจแสดงให้ทราบว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะรอให้เกิดการปรับตัวลงของแนวโน้มการเติบโตของ GDP ในยุโรป
สำหรับกิจกรรมของผู้บริโภคและระดับราคาแล้ว ก็อาจจะเป็นแนวโน้มที่ดีจากการคาดการณ์นี้ ส่วนอัตราการว่างงานยังค่อนข้างสูง, อัตราเงินเฟ้อก็ยังไม่มีการปรับตัวขึ้นมา ส่วนจำนวนตัวบ่งชี้ที่มีส่วนร่วมก็กำลังปรับตัวดีขึ้นมาตามลำดับ สำหรับผริมาณของยอดการค้าปลีกของประเทศเยอรมณี ในเดือนพฤศจิกายน ได้ปรับตัวอยู่ในระดับที่สูงที่สุดตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในปี 2017 ซึ่งมากกว่าการคาดการณ์อย่างมาก ส่วนราคาผู้ผลิตก็กำลังปรับตัวขึ้น โดยในเดือนพฤศจิกายนพบว่า มีการเติบโตในรายปีอยู่ที่ร้อยละ 2.8 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบสามปั และ การรายงานข้อมูลเบื้องต้นในวันศุกร์เกี่ยวกับ ราคาผู้บริโภคของเดือนธันวาคม ผลออกมาดีกว่าที่ได้คาดการณ์เอาไว้
สำหรับนักลงทุนแล้ว ภาพรวมทางเศรษฐกิจของยุโรป ดูเหมือนว่าจะดูมีกำลังมากกว่าทางสหรัฐอเมริกา และทิศทางการดำเนินงานของธนาคารกลางแห่งยุโรปก็ดูเป็นที่เข้าใจได้ง่ายตรงกัน ถึงแม้ว่าจะมีการปรับตัวขึ้นมาของอัตราดอกเบี้ยของทางธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ที่อาจส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา ยังมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของความเชื่อถือได้ของการจัดสรรทุน ดังนั้นแล้วสถานการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนว่ายังไม่เอื้ออำนวยต่อการเริ่มต้นการลดทุนจากอเมริกา และการสร้างการสนับสนุนต่อเงินยูโร
ในวันที่ 4 เดือนมกราคมพบว่า คู่สกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD) ไดสร้างระดับสูงอันดับสองในระดับที่ต่ำกว่า 1.21 และแนวโน้มขาขึ้นก็อาจก้าวผ่านแนวต้านนี้ และถอนตัวออกจากระดับสูง ในช่วงเดียวกันนั้น ทางธนาคารกลางแห่งยุโรปก็ยังไม่มองหน้าต่อการปรับตัวไปในการเคลื่อนที่ด้านบน ดังนั้น พวกเรายังมองว่าควรจะทำการปรับระดับการคาดการณ์ให้มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์เอื้ออำนวยต่อเงินดอลลาร์แทน
สหราชอาณาจักรอังกฤษ
เงินปอนด์ยังคงมีการปรับตัวขึ้นมาในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเข้าใกล้ระดับสูงในรอบปีที่ขยับตัวไปในเดือนกันยายนของปี 2017 แต่แนวโน้มขาขึ้นก็ยังมองหาช่องทางในการเคลื่อนที่ไปไม่ได้
การเติบโตของเงินปอนด์ได้รับการสนับสนุนจาก การรายงานของสถาบัน Markit เกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจในภาคการบริการของเดือนธันวาคม โดยการเติบโตของดัชนี PMI อยู่ที่ 54.2 จุด เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ใน 53.8 จุด แต่มันก็ยังไม่เพียงพอในความเชื่อมั่นของสำหรับสถานะในแนวโน้มขาขึ้น ส่วนการเติบโตในดัชนีชี้นำของผู้บริโภคในเดือนพฤศจิกายนอยู่ต่ำกว่าการคาดการณ และการชาดการรายงานที่สำคัญในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ก็สร้างอุปสรรค สำหรับการสร้างตัวกระตุ้นที่ให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การพยายามที่จะเคลื่อนตัวไปเหนือกว่าระดับที่ 1.36 ดูเหมือนว่าอาจจะเกิดขึ้นได้จริง แต่ การเติบโตนั้นอาจจะเกิดขึ้นไม่จริง สำหรับการเทรดก็อาจจะอยู่ในระยะข้างเคียง
น้ำมัน
ถึงแม้ว่าจะมีการดำเนินการประท้วงที่เกิดขึ้นในประเทศอิหร่าน ที่ได้ระงับไว้ด้วยทางรัฐบาล ทำให้น้ำมันได้อยู่ใก้ลกับระดับสูงในรอบสามปี ซึ่งแสดงให้เห็นโดยตรงถึงเหตุผลของการเติบโตในปัจจุบันที่ไม่เกิดขึ้นในประเทศอิหร่าน
ตัวกระตุ้นหลักของการเติบโตก็คือ การเพิ่มขึ้นของการคาดการณ์สำหรับ การเติบโตในส่วนของเศรษฐกิจระดับโลกของปี 2018 ส่วนอุปสงค์ของแหล่งพลังงานยังคงตัว นอกจากนั้นแล้วการปรับสมดุลของตลาดจะเกิดขึ้นในระดับที่สูงกว่าจุดที่คาดการณ์เอาไว้ แล้วยังมีผลกระตุ้นต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอีกด้วย
ประเทศจีนตั้งใจนำเสนอ สัญญาซื้อขายน้ำมันในการเทรด โดยดำเนินการด้วยสกุลเงินหยวน ในวันที่ 18 เดือนมกราคม สำหรับการเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้ ไม่เป็นที่ทราบกันเลยในกลุ่มของผู้เข้าร่วมในตลาด หลังจากที่มันอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวของ กระบวนการในการปรับระดับราคาในตลาด ในสัปดาห์นี้ มีการรายงานจากประทเศจีนที่จะทำการรายงาน ราคาผู้บริโภค, ยอดการค้า และปริมาณของการลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนั้นยังมีเหตุผลที่ควรเชื่อว่า ข้อมูลจะดีกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งทำให้เกิดการเติบโตในตลาดวัตดุดิบ ในเวลานี้ การคาดการณ์ของการรายงานจากประทเศจีน มีกำลังมากกว่าการรายงานจาก ฝ่ายพลังงานของสหรัฐอเมริกา ในส่วนของผลกระทบที่เกิดขึ้นในตลาด สำหรับเบรนท์เองก็กำลังขยับตัวไปใน 70เหรียญต่อบาร์เรล และแนวโน้มที่จะปรับตัวไปในระดับนี้นั้นก็อาจจะเกิดขึ้นในอีกวันหนึ่ง ที่ระดับสูง
